ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย อภิปรายกล่าวหา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เอื้อประโยชน์ให้ “บริษัทฟิลลิป มอร์ริส” หลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรและสำแดงเท็จกรณีนำเข้าบุหรี่ จนทำให้ประเทศชาติเสียหายหลายหมื่นล้านบาท
เมื่อปี 2556 อัยการสูงสุด มีความเห็นควรสั่งฟ้องบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส ในความผิดฐานหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงค่าภาษีอากร สำแดงเท็จโดยฉ้อโกงและออกอุบาย ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 27 ซึ่งอัตราโทษสูงปรับถึงสี่เท่าของราคาสินค้ารวมภาษี แต่ เมื่อปี 2557 พล.อ.ประยุทธ์ได้ใช้อำนาจตามมาตรา 44 แทรกแซงกฎหมายให้สภานิติบัญญัติ แก้ไขมาตรา 27 ของ พ.ร.บ.ศุลกากร ทำให้ในที่สุด ‘ฟิลลิป มอร์ริส’ จ่ายเพียงแค่ 1,225 ล้าน แทนที่จะเป็น 8.4 หมื่นล้านบาท
ในขณะที่คดีกำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลนั้น นายดอน ยังมีหนังสือหารือถึงนายกฯ เกี่ยวกับบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส ผ่านนายวิษณุ พยายามช่วยเหลือต่างชาติโกงภาษีของประเทศโดยอ้างว่า การดำเนินคดีและพิจารณาค่าปรับต้องคำนึงถึงการตัดสินขององค์การการค้าโลก หรือ WTO ด้วย
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี ยังตั้งบุคคลใกล้ชิดไปเป็นบอร์ดโรงงานยาสูบเลือกเพื่อเลือก ผอ.โรงงานยาสูบ ทั้งที่มีคุณสมบัติไม่ถูกต้อง เข้าไปดำเนินการให้บริษัทเอกชนที่มีความใกล้ชิดได้รับงานประมูลใน 3 โครงการซึ่งมีมูลค่าสูงกว่า 3,700 ล้านบาท และบริษัทเอกชนดังกล่าว ยังส่งมอบงานล่าช้าทำให้รัฐเสียหายเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันยังได้สมรู้ร่วมคิดกำหนดพิกัดภาษีสรรพสามิตใหม่ ทำให้มีการจัดเก็บภาษีสูงสุดถึง 40% ต่อซองส่งผลให้บุหรี่ไทยและโรงงานยาสูบขาดทุน เสียหายทั้งระบบ เนื่องจากราคาสูงกว่าบุหรี่ต่างประเทศ กระทบตั้งแต่เกษตรกรผู้ปลูกยาสูบและครอบครัว รวมแล้วกว่า 2 ล้านชีวิต
นายศรัณย์วุฒิ ยังตั้งข้อสังเกตถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ มีการแต่งตั้ง พล.อ.ว. (ชื่อย่อ) เป็นประธานกรรมการโรงงานยาสูบ ก่อนดึงตัวกลับมาเป็นคนใกล้ชิด ต่อมาตั้ง พล.ท.ส. เป็นประธานกรรมการโรงงานยาสูบ โดยดึง น.ส.ด. มาเป็นกรรมการโรงงานยาสูบ ก่อนเลื่อนขั้นเป็น ผอ.โรงงานยาสูบ พร้อมอ้างอีกว่า ในการประมูลงานต่างๆ ของโรงงานยาสูบ จะต้องผ่านบริษัทแห่งหนึ่ง โดยมีบุคคลชื่อนายปรีชา มีส่วนเกี่ยวข้อง รวมถึงเอื้อประโยชน์แก่บริษัทพวกพ้อง รวมเป็นคู่สัญญากับโรงงานยาสูบ ผลาญงบกว่า 3.7 พันล้านบาท และมีปัญหาในการส่งมอบงาน นอกจากนี้ยังเปิดประเด็นด้วยว่า รัฐบาลมีการเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนใหญ่ โดยเปิดโอกาสให้ใช้พื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะย่านพระราม 4 ที่กำลังอยู่ระหว่างก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่
นอกจากนี้นายศรัณย์วุฒิ ยังกล่าวหานายกรัฐมนตรีว่าหลีกเลี่ยงภาษีจากการขายที่ดินของบิดา จากราคาที่ขายจริง 623 ล้านบาท แต่มีการแจ้งราคาเพียง 600 ล้านบาท จึงตั้งข้อสังเกตถึงส่วนต่างที่หายไป 23 ล้านบาท และหากมีการซื้อขายในราคาดังกล่าวจริงจะต้องเสียภาษีในราคา 16 ล้านบาท นายกรัฐมนตรีได้ดำเนินการเสียภาษีแล้วหรือไม่
แฉซื้อรถถังยูเครนมาตรฐานเชียงกง
นายศรัณย์วุฒิ โจมตีการจัดซื้อหาอาวุธยุทธโทปกรณ์หลายพันล้าน ภายใต้การบริหารและมีส่วนร่วมของ 3 ป. คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และความผิดปกติ พร้อมกับเปิดภาพคลิปวิดีโอ อ้างว่ามาจากประเทศยูเครน รวมถึงแสดงหลักฐาน เอกสารต่างๆ การโอนเงินผ่านบริษัทเอกชน DATAGATE ทั้งที่เป็นการซื้อขายลักษณะรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี มีสัญญาที่ส่อทุจริต มีส่วนต่างมหาศาล และยังได้รถถังที่ไม่มีประสิทธิภาพอีกต่างหาก
"รถเก่า ย้อมแมว" นายศรัณย์วุฒิระบุและว่า เป็นรถถัง ‘เชียงกง’ ใช้เทคโนโลนีการผลิตล้าหลังนำอะไหล่เก่ามาประกอบ ไร้คุณภาพ แถมยังส่งมอบล่าช้าโดยไม่มีค่าปรับอีกต่างหาก
นายศรัณย์วุฒิ ยังได้อ้างว่ามีรายงานผลการสอบสวนของประเทศยูเครน ที่มีผู้หญิง 2 ราย เข้ามาเกี่ยวข้อง และ ถูกสอบสวนอย่างเป็นทางการ และกล่าวหาเอาผิด แต่ยังจับกุมตัวไม่ได้ ขณะเดียวกันการลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านของนาง น. ตนพบว่ามีลักษณะเป็นกึ่งทาวน์เฮ้าส์ แต่กลับเป็นคู่สัญญารัฐ 7-8 พันล้านบาทในการซื้อรถถังยูเครน
“คอร์รัปชั่นไม่มีหมดอายุ หมดอำนาจเมื่อไหร่ รับรองตายเกลี้ยง” นายศรัณย์วุฒิ กล่าวและว่าโดยสรุปตั้งแต่ท่านยึดอำนาจมา ท่านผลาญงบประมาณแผ่นดินมหาศาลจนหนี้ท่วม เศรษฐกิจไทยพังยับเยิน ประเทศเราทรุดเพราะภูมิคุ้มกันเราไม่ดีจากการยึดอำนาจและมี พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ
นายกฯ แจงที่ดินพ่อ ทำทุกอย่างถูกต้อง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลุกชี้แจงว่า การอภิปรายกล่าวหาในหลายๆ เรื่อง ซึ่งตนจะมอบหมายให้รองนายกฯ และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องชี้แจง เนื่องจากมีการพาดพิงงานหลายกระทรวง ตนในฐานะนายกฯ กำกับดูแลทุกกระทรวงจำเป็นต้องให้ผู้ปฏิบัติชี้แจงในรายละเอียด แต่ยืนยันว่าหลักการทราบรายละเอียดทั้งหมด
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องการซื้อขายที่ดินของพ.อ.ประพัฒน์ จันทร์โอชา บิดาของตนที่อภิปรายว่ามีสุขภาพไม่ดีตั้งแต่ปี 2559 นั้น ขอชี้แจงว่าตนขายที่ดินก่อนตั้งแต่ 2556 ส่วนพ่อตนไม่สบายในปี 2559 จนต้องมีการพิทักษ์ทรัพย์และตนเป็นเจ้าหน้าที่พิทักษ์ทรัพย์ จึงเป็นเรื่องที่เกิดคนละปีกัน
"ปี 2555-2556 พ่อผมยังแข็งแรงเป๊ะ ยังดุผมได้อยู่เลย ภาษีก็เสียอย่างถูกต้อง ซึ่งผู้ซื้อที่ดินเป็นผู้ดำเนินการทั้งหมดอยู่ในสัญญามีหลักฐานชัดเจน ตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ที่ดินและมีรายงานและการตรวจสอบของ ป.ป.ช.เรียบร้อย จึงมีการนำมาแถลงให้ทราบข้อเท็จจริง เรื่องนี้ผมลงรายละเอียดมากเกินไปด้วยซ้ำ รวมทั้งเรื่องการโอนเงินต่างๆ และผมเห็นบางคนบางกรณีที่ผ่านมาไม่เห็นจะมีการโอน ซึ่งก็ไม่ว่ากัน ยืนยันว่าการซื้อขายที่ดินเป็นไปตามกฎหมายสรรพากร" นายกฯ กล่าว
ไม่กลัวทุกการตรวจสอบ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ส่วนการอภิปรายอีกหลายประเด็นนั้นโดยเฉพาะเรื่องฟิลลิปมอร์ริส รถถัง โรงงานยาสูบ และการดำเนินการของกระทรวงต่างประเทศ รวมถึงที่เกี่ยวข้องอีกหลายกระทรวง ตนมีคำตอบทุกประเด็น อีกทั้งที่กล่าวหาว่าเดือดร้อนกันทั้งประเทศก็ขอให้ติดตามฟัง และขอแจ้งให้ทราบว่าในข้อกล่าวหาเรื่องการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหารในลักษณะของบาร์เตอร์เทรดนั้น กรุณาไปศึกษากฎหมายไทยด่วยว่า ประเทศไทยไม่มีกฎหมายบาร์เตอร์เทรด โดยเฉพาะเอาสินค้าไปแลกกับอาวุธนั้นไม่มี ไม่สามารถทำได้ อย่างมากก็เป็นเรื่องต่างตอบแทนเหมือนที่ไทยทำกับจีนในลักษณะคู่สัญญา แต่บางอย่างไม่เท่าเทียมแลกกันไม่ได้ ทั้งนี้เรื่องการทำสัญญาจีทูจีนั้นเป็นเรื่องของแต่ละประเทศที่มีสัญญาร่วมกันอย่างจีน และรัสเซียรัฐบาลจะเป็นผู้รับรองบริษัท แต่ของเราเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องเซ็น ส่วนการติดต่อจะให้บริษัทเป็นผู้ดำเนินการ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กรณีที่อภิปรายว่ามีการส่งช้าและรถถังเก่าหรือไม่เก่านั้นให้คอยดูและที่เข้าใจว่าล่าช้านั้น เพราะเดิมเขาเป็นประเทศเดียวกัน แต่การผลิตส่วนใหญ่อยู่ที่ประเทศยูเครน แต่ตัวเครื่องอยู่ที่รัสเซีย เมื่อมีปัญหาทะเลาะกันภายในจึงมีการทำเรื่องขอปรับ ซึ่งเป็นเรื่องระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาล และมีการเปลี่ยนรัฐบาลมาหลายครั้ง รัฐมนตรีเปลี่ยนมาหลายคน และการที่ตนเดินทางไปเยือนยูเครนครั้งที่แล้ว ไม่ได้ไปเยือนเพื่อซื้อรถถัง แต่ไปเยือนในฐานะแขกของรัฐบาลที่เชิญอย่างเป็นทางการ ขณะเดียวกันได้ไปเยี่ยมการทหารของยูเครน และได้มีการพาตนไปดูรถถังและมีการสาธิตการยิงให้ดู ส่วนใครเป็นผู้จัดตนไม่รู้ จากนั้นก็นำกลับมาพิจารณาเนื่องจากมีหลายบริษัทเสนอมา
"ผมไม่ได้กลัวการตรวจสอบอะไรทั้งสิ้น อย่างเรื่องของโรงงานยาสูบเขามีแผนย้ายมานานแล้วก่อนรัฐบาลผมจะเข้ามา ทำการย้ายไปที่อยุธยา แต่ติดขัดมาหลายรัฐบาล ยืนยันว่าเรื่องการย้ายนั้นเป็นไปตามแผน การที่มากล่าวอ้างว่าการย้ายโรงงานยาสูบเพื่อคนนั้นคนนี้นั้นไม่จริง เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นภายหลัง การประกอบธุรกิจต่างๆ เขาทำถูกต้องตามกฎหมาย ไม่มีความผิด เขาสามารถทำได้ไม่ใช่หรือรัฐบาลนี้ไม่ใช่นักลงทุนที่จะต้องมาดูว่าควรเพื่อประโยชน์ให้ใคร ผมเองก็ยังไม่รู้ว่าโครงการนี้เกิดขึ้นตรงไหน หลายโครงการก็ไม่ใช่โครงการของรัฐ การพูดจายึดโยงต่างๆ ขอให้เข้าใจว่าเกิดความเสียหายในวงกว้าง และผมก็แน่ใจว่าหลังจากนี้ไปก็คงมีอีกหลายเรื่องที่จะเป็นปัญหาต่อไปในอนาคต ขอบคุณในความหวังดี ขอบคุณท่านศรัณย์วุฒิ อภิปรายได้สนุกดี แต่ขอให้เอาสาระต่างๆ และข้อเท็จจริงมาพูดด้วย เพราะไม่อยากให้เสียเวลาอันมีค่าของสภาควรสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนให้ได้มากที่สุด" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว