เวลา 16.10 น. วันที่ 13 ธ.ค. 2564 ที่สามย่านมิตรทาวน์ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) มาในชุดเรียบง่ายสวมรองเท้าผ้าใบ ก่อนขึ้นกล่าววิสัยทัศน์ได้กราบบิดามารดา และ ชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์
จากนั้น สุชัชวีร์ ได้กล่าววิสัยทัศน์ "เปลี่ยนกรุงเทพ #เราทำได้ โดยระบุว่า ถ้าเราเกิดมาไม่มีความหวังจะอยู่ไปเพื่ออะไร ความเป็นจริงหลายๆ ท่าน คนไทยคนกรุงเทพฯ ความหวังความเชื่อถูกท้าทายด้วยความไม่เชื่อ จากคนรอบข้างหรือสังคมที่มาใส่ให้ตัวเรา ไม่น่าเชื่อว่าจะทำให้ตัวเราคิดไปเลยยังไงก็ทำไม่ได้ ทั้งนี้ คนกรุงเทพฯ เกิดมาน้ำท่วมรอการระบาย
"ครอบครัวคนกรุงเทพฯ ถูกข่มขืน โดนรังแก คนคุ้นชินว่าเราไม่สามารถเปลี่ยนอนาคตลูกหลานคนกรุงเทพฯได้ ผมเชื่อว่าเราเปลี่ยนอนาคตของลูกหลานเปลี่ยนกรุงเทพฯ เราทำได้ครับ" สุชัชวีร์ ระบุ
สุชัชวีร์ ระบุุว่า พ่อแม่ตนเป็นครูอาชีวะ อยากให้ลูกไปเรียนที่ไหน บอกเพื่อนอยากจะส่งลูกไปเรียนเมืองนอกได้ ทั้งนี้ ตนมีความหวังความเชื่อ ตราบใดมีความเชื่อ มุ่งมั่นอะไรก็เปลี่ยนได้ ตนนั่งรถเมล์ไป เรียนวิศวะที่ลาดกระบัง 4-5 ชั่วโมง ตอนนั้นอายุแค่ 20 ปี ณ วันนั้นตนทรมานรถติดไปและกลับ ตนอยากจะแก้ปัญหาการจราจรของกรุงเทพฯ ให้ได้ ทั้งนี้ ไม่มีคนเชื่อว่าจะสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินได้ และไม่มีใครจบวิศวกรรมอุโมงค์แบบดินอ่อนของกรุงเทพฯได้ และตนก็สามารถเขียนโปรแกรมออกแบบรถไฟฟ้าใต้ดินในกรุงเทพฯ ได้สำเร็จ ตนทำโปรเจกต์นี้ ได้เกรดเอ จบการศึกษาเกรดเฉลี่ย 3.01
เผยส่งมอบแบบรถไฟฟ้าใต้ดินให้กับมือ 'กฤษฎา' ผู้ว่าฯกทม.
สุชัชวีร์ ระบุว่าตนไม่ได้ทำเล่นๆ แต่ทำโปรเจกต์แก้ปัญหาจราจร และตนได้นั่งรถเมล์ไปพบผู้ว่าฯกทม.ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร โดยนำเสนอโปรเจกต์แก้ปัญหารถติดกับผู้ว่าฯ กทม. และได้รับคำตอบให้นั่งรอผู้ว่าฯ กทม. รอไปถึงตอนเย็นไม่ได้พบผู้ว่าฯ กทม. โดยวันถัดไปมาเจอผู้ว่าฯกทม. แต่ได้รับคำตอบไม่ได้เจอ แต่ตนมีความหวังจะได้เจอผู้ว่าฯ กทม. ตนแวะมนต์นมสด ซื้อขนมปังสังขยา ระหว่างนั่งรอ ไม่ได้มีความทุกข์แต่มีความหวัง และอ่านโทเฟล ทำอย่างนั้นสองสัปดาห์ ปลายสัปดาห์ที่สอง รอจนรูู้จักชื่อเล่นตน และจะให้พบผู้ว่าฯ กทม. แต่ต้องพาคณบดีมาด้วย ตนโหนรถเมล์กลับไปวิศวะ ลาดกระบัง ถ้าตนได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. รถเมล์ต้องดีขึ้นแน่ ทรมาน พอเข้าไปห้องคณบดี เพราะแฟ้มท่วมโต๊ะ
สุชัชวีร์ ระบุว่าตนจะพาคณบดีไปพบผู้ว่าฯกทม. ท่านวางปากกาแล้วแหวกแฟ้มมาดูหน้าตน ตนทำโปรเจกต์รถไฟฟ้าใต้ดิน ทำให้คณบดียอมไปพบผู้ว่าฯ กทม. และคณบดีท่านนั้นก็มาให้กำลังใจตนด้วย และตนและคณบดีได้พบ ร.อ.กฤษฎา อรุณวงศ์ ณ อยุธยา ผู้ว่าฯ กทม.ขณะนั้น โดยคณบดีมอบผลงานของตนไปมอบให้ ร.อ.กฤษฎา ที่กำลังจะบอกว่าจะทำใต้ดินหรือลอยฟ้า วินาทีนั้นเปลี่ยนชีวิตตน ประเทศไทยต้องจำเป็นต้องมีรถไฟฟ้าใต้ดินแก้ปัญหาการจราจร แต่ประเทศไทยไม่มีใครจบวิศวกรรมด้านอุโมงค์ อย่างดินอ่อนในกรุงเทพฯ ตนขออาสาจะเป็นคนไทยคนแรกจะไปเรียนวิศวกรรมอุโมงค์ ไปเรียนที่เดียวกับ ร.อ.กฤษฎา ที่ MIT (สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์)
ยกผลงานสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินสายแรก-ทายาทสายตรงไอน์สไตน์คนเดียวในไทย
"กรุงเทพฯ ไม่มีรอยยิ้มเพราะรถติด มีแต่คนอารมณ์เสีย ผมโหนไปทุกวันอยากจะแก้ปัญหาซ้ำซากนี้ให้ได้ ได้ทำโปรเจกต์แก้ปัญหารถติด ผมขอกลับมานำคืนรอยยิ้มให้คนกรุงเทพฯครับ MIT ไม่สนเกรดเฉลี่ย ไม่สนภาษาอังกฤษ ผมจบจากไหน รับผมเข้าเรียน เชื่อว่าผมทำได้ และผมกลับมาตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับ ร.อ.กฤษฎา กลับมาก่อสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินสายแรกในกรุงเทพฯ มีชื่ออยู่ที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินหัวลำโพง และผมออกแบบรถไฟฟ้าใต้ดินลอดแม่น้ำเจ้าพระยาสายแรก ผมภูมิใจที่ผมพัฒนาตัวเอง"
สุชัชวีร์ ระบุตอนหนึ่งว่า ตนเรียนกับเฮอร์เบิร์ต ไอน์สไตน์ ที่ MIT ซึ่งเป็นหลานแท้ๆ ของ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นักวิทยาศาสตร์ชื่อก้องโลก จนเป็นที่มาของ พร้อมย้ำว่า "ผมนี้ถือว่าเป็นทายาทสายตรงไอน์สไตน์ คนเดียวในแผ่นดินไทยเลยครับ"
ชี้เจอรถติดหนักตั้งแต่สมัยเรียน เตืือนไม่เปลี่ยนกรุงเทพฯ จมน้ำแน่
สุชัชวีร์ ระบุว่า เวลาผ่านมา 30 ปีนับจากวันนั้น คนกรุงเทพฯ ยังยิ้มไม่ออก เพราะว่าฝนตกน้ำท่วมรอระบาย รถติดก็ติดสุดๆ ฝุ่นพิษมีทุกวัน เศรษฐกิจเมืองล้าหลัง การศึกษาพังพินาศ ย่ำแย่กว่าเดิมใครจะไปยิ้มออก วันนี้ฝนตกน้ำท่วมรอระบาย น้ำเหลือไหล่บ่า น้ำทะเลหนุนไม่รอคิว นักวิจัยระดับโลกทุกสำนักพูดตรงกันว่า วันนี้ถ้าเกิดกรุงเทพฯ ยังไม่เปลี่ยน กรุงเทพฯจมน้ำแน่นอนในอีก 10-20 ปี น้ำท่วมปี 2554 น้ำทะลักที่สะพานซังฮี้ ยังไม่เชื่ออีกหรือ น้ำท่วมกรุงเทพฯ คือชี้ชะตาอนาคต การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ไม่ใช่เลือกผู้ว่าฯ กทม. แต่เลือกอนาคตกรุงเทพ อนาคตประเทศไทย อนาคตลูกหลานคนไทย ให้รู้กันไป ถ้าคนกรุงเทพฯให้โอกาสผู้ว่าฯ วิศวกรรม เเคยเป็นนายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ ให้รู้ไปจะเปลี่ยนกรุงเทพฯ ให้รอดน้ำท่วมไม่ได้ เราทำได้
ปัญหารถติดในกรุงเทพฯ ฆ่าอนาคตลูกหลานเราที่สุด ท่านอยากให้ลูกหลานเรามีความคิดสร้างสรรค์ จะมีได้ไง ต้องปลุกลูกตี4-5 เราทุกคนคนกรุงเทพฯต้องใช้เวลา 1ใน4 บนรถ ผมจะไม่ทน เชื่อว่าจะเปลี่ยนได้ ดูกรุงโตเกียวมีความหนาแน่นประชากรมากกว่ากรุงเทพ 4-5เท่า ผลิตรถได้เองราคาถูก แล้วรถติดหรือไม่ แสดงว่าบ้านเมืองที่วิกฤตกว่าเราทำได้มาแล้ว เราต้องทำได้
"ถ้าให้ผมเป็นผู้ว่าฯ กทม.จะเห็นจักรยานลอยฟ้าในกรุงเทพฯ ส่วนฝุ่นพิษเกิดจากความไม่รับผิดชอบของคนไม่กี่คน กรุงปักกิ่งมีฝุ่นพิษ และจัดการฝุ่นพิษได้เบ็ดเสร็จ ถ้าท่านให้โอกาสผมเป็นผู้ว่าฯ กทม. ผมรู้ฝุ่นพิษมมาจากรถสาธารณะ และไซต์งานก่อสร้างไม่รับผิดชอบ ผมจะจัดการกรุงเทพฯ เป็นอากาศบริสุทธิ์ส่งต่อให้ลูกหลานเรา เราทำได้ครับ" สุชัชวีร์ ระบุ
ปัญหาเศรษฐกิจ ตนเคยทำงานให้ธนาคารโลกมาก่อน วันนี้ถ้ากรุงเทพฯ ไม่ทันสมัย ใครจะมาลงทุน ใครจะมาเที่ยว วันนี้ กทม.ไม่ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม คนมาแล้วไม่อยากจะมาอีก เราสามารถเปลีย่นเศรษฐกิจเมืองให้ทันสมัย สร้างเมืองดิจิทัลให้กรุุงเทพฯ เราทำได้
เรื่องการศึกษาของ กทม. คะแนนการอ่าน คะแนนคณิตศาสตร์ ของลูกหลาน กทม.ได้คะแนนต่ำที่สุดในประเทศไทย ต่ำกว่า 3 จังหวัดชายแดนใต้ ในขณะที่เด็กเมืองหลวงกรุงปักกิ่ง่ โตเกียว ไทเป สิงคโปร์ ได้คะแนนสสูงติดท็อบของโลก ไหนบอกการศึกษาเป็นหัวใจของประเทศนี้ คนกรุงเทพฯไม่เชื่อคุณภาพโรงเรียนกทม. ตนจะทำโรงเรียนสาธิต 50 เขต 50โรงเรียนให้ลูกหลานได้เรียนสองภาษา เรียนเอไอ มั่นใจเราทำได้
"ผมจะดูแลลูกหลานคนกทม.ให้เหมือนลูกหลานของผม ให้เก่งไม่แพ้ใครในโลก ถ้าผมเป็นผู้ว่าฯ ผมจะประกาศแข่งกับสิงคโปร์ให้สู้ให้ได้ ผมขอเป็นผู้ว่าการศึกษาผู้ว่าฯ กทม.คนแรก"
สุชัชวีร์ ย้ำว่า จะยกระดับสาธารณสุข กทม.เป็นศูนย์การแพทย์มีอุปกรณ์การแพทย์ เครื่องฟอกไตทุกศูนย์ เราทำได้ และจะทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองสวัสดิการที่ทันสมัยต้นแบบอาเซียนให้ได้ และเมืองต้องใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียม กรุงเทพฯต้องเป็นเมืองที่ทันสมัย มีแก้มลิงแก้ปัญหาน้ำทะเลหนุน รวมทั้งทำระบบอินเทอร์เน็ตต้องใช้เตือนภัย กทม. ไม่ใช่น้ำทะลัก สะพานซังฮี้ไม่มีระบบเตือนภัย รวมทั้งจะเปลี่ยนกรุงเทพฯ มีนิทรรศการทุกเดือน
"ถ้าได้รับโอกาสผู้ว่าฯกทม. จะให้เป็นเจ้าภาพโอลิมปิก 2036 โอลิมปิกเปลี่ยนเมือง"
เผยเลือกซบ ปชป. เหตุพลังเปลี่ยนแปลงในพรรค
จากนั้น สุชัชวีร์ ให้สัมภาษณ์ว่า วันที่ 14 ธ.ค.นี้ เวลา 09.00 น. ตนจะเข้าพรรคประชาธิปัตย์พร้อมกับปล่อยผู้สมัคร ส.ก. 50 เขต ที่พรรคประชาธิปัตย์ ตอนนี้เรากำลังดูอยู่เรื่องทีมงานผู้ว่าฯ กทม. ให้มั่นใจทีมงานจะมาจากผู้มีความรู้ในการเปลี่ยนกรุงเทพฯ ที่ตัดสินใจอยู่พรรคประชาธิปัตย์ เพราะเห็นกระแสพลังการเปลี่ยนแปลงในพรรคประชาธิปัตย์ พรรคประชาธิปัตย์เปิดให้คนใหม่เลือดใหม่ ได้เสนอตัวเข้าทำงาน ผู้ว่าฯ กทม.ไม่สามารถทำงานคนเดียวตามลำพังได้ ต้องทำงานเป็นทีม
สุชัชวีร์ ระบุว่า พรรคให้โอกาสตนในการเลือกทีมงานลงผู้ว่าฯ กทม. ส่วนการหาเสียงจากนี้จะลุยทันที โชคดีที่พรรคมีคนในพื้นที่มายาวนาน ส.ก. 50 เขตจะประกาศปล่อย ส.ก. จะเดินให้ได้ 1.6 แสนก้าวกับทุกเขต เพราะกรุงเทพฯ มีพื้นที่ 1.6 ล้านตารางเมตร โดยนโยบายตอนนี้แค่เบื้องต้น ยังมีอีกเยอะอยากให้ติดตามต่อไป
"วันนี้ชัดเจนสัญญาณที่ เอ้ สุชัชวีร์ส่งไปต้องเปลี่ยนกรุงเทพฯ เราเชื่อมั่นว่าทำได้ เป็นข้อความที่ส่งไปชัดๆ วันนี้กระแสตอบรับวันนี้ดีมาก วันนี้เป็นวันแรก เพราะผมลาออกทุกตำแหน่งมีผลวันนี้วันแรก เส้นทางอีกยาวไกล อยากขอเชิญชวนเส้นทางนี้ด้วยกัน ผมมั่นใจคนกรุงเทพฯ ในฐานะนักเปลี่ยนแแปลงมา 30 ปี มั่นใจคนกรุงเทพฯ จะให้โอกาส"
สุชัชวีร์ ระบุว่าตนเตรียมตัวมา 30 ปีตั้งแต่อายุ 20 ปี ไม่ว่าจะเป็นด้านวิศวกรรม น้ำท่วม สาธารณสุขคุณภาพชีวิต 30 ปีทำมาเต็มที่แล้ว อยากให้คนกรุงเทพฯ ให้โอกาส
ข่าวที่เกี่ยวข้อง