เมื่อเวลา 14.30 น. 21 มี.ค. 2565 ที่พรรคประชาธิปัตย์ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุหลังการเปิดสัมมนาผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) และผู้อำนวยการศูนย์เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และ ส.ก. ประจำเขต ว่า พรรคประชาธิปัตย์มีการเตรียมความพร้อมมาตลอด ซึ่ง ส.ก. ของพรรค 50 เขต ได้คัดเลือกเสร็จมาตั้งแต่ก่อนประกาศตัวผู้ว่าฯ และเมื่อประกาศตัวผู้ว่าฯ ทุกคนก็ชัดเจนว่าจะเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. ในนามพรรค เพราะฉะนั้นทั้งตัวผู้ว่าฯ ทีมงาน และผู้สมัคร ส.ก. ของพรรคทั้ง 50 เขต ถือว่ามีความพร้อม และพร้อมไม่แพ้หลายยุคที่ผ่านมา
โดย จุรินทร์ กล่าวว่า ตนได้มอบแนวทางไปชัดเจนแล้วว่า สำหรับผู้ว่าฯ กทม. และทีมงานนั้น จะต้องบริหารกรุงเทพฯ เสมือน มินิไทยแลนด์ ซึ่งต้องมีนวัตกรรมการบริหารจัดการอย่างน้อย 3 นวัตกรรม คือ 1. จะต้องมี ครม.กรุงเทพฯ เพราะปัญหากรุงเทพฯ ปัจจุบันมีมากกว่าในอดีตที่แค่มีผู้ว่าฯ รองผู้ว่าฯ และที่ปรึกษา
2. จะต้องมี กรอ. กทม. เพื่อเป็นเวทีให้ภาคส่วนต่างๆ ได้พบปะและขับเคลื่อนกรุงเทพฯ กับผู้ว่าฯ กทม. และทีมบริหารของ กทม. โดยมีทั้งภาคเอกชน ภาคประชาชน ภาคประชาสังคม ตั้งแต่ต้นตัวใหญ่ไปจนถึงคนตัวเล็กในกรุงเทพฯ เพื่อขับเคลื่อนกรุงเทพฯ ร่วมกันกับทีมบริหารของผู้ว่าฯ
3. ต่อไปจะบริหารกรุงเทพฯ อย่างเดียวไม่พอ ต้องเป็นเกรทเตอร์ แบงคอก ซึ่งเป็นภาษาบริหารงานมหานครหลายประเทศในโลกทำ คือจะต้องบริหารร่วมกับปริมณฑล เพราะมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงทั้งในแง่ประชากร สาธารณูปโภคสาธารณูปการ รวมถึงสภาพปัญหา ซึ่งได้มอบแนวนโยบายที่ได้มอบให้ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.
จุรินทร์กล่าวว่า จะต้องทำหน้าที่นอกจากที่กฎหมายกำหนด นั่นคือต้องเป็นผู้ที่ออกข้อบัญญัติ กทม. ต้องเป็นผู้ที่จะเข้าไปผ่านงบประมาณ กทม. เป็นผู้ที่ต้องควบคุมการบริหารของฝ่ายบริหาร กทม. และเป็นปากเสียงแทนประชาชนแล้ว ยังต้องทำหน้าที่เป็น ส.ก.พลัส ที่มากกว่า ส.ก. เพราะยุคนี้ ส.ข.ไม่มีแล้ว ดังนั้น ส.ก. ต้องเข้าไปทำหน้าที่ ส.ข. ด้วย ถ้าได้รับเลือกตั้งในนามพรรคประชาธิปัตย์ เพราะ ส.ข. เป็นผู้ที่ทำหน้าที่ลงลึกถึงหมู่บ้าน ชุมชนต่างๆ ในกรุงเทพฯ และทำงานร่วมกับผู้อำนวยการเขต
สิ่งนี้คือทิศทางที่ชัดเจนของประชาธิปัตย์ที่มอบเป็นนโยบายไป ที่เหลือเป็นรายละเอียด ที่ผู้ว่าฯ กทม. ได้มีนโยบายและแสดงวิสัยทัศน์มานานแล้ว คนกรุงเทพฯ ก็พอใจ ส.ก. ก็ชัดเจนว่ารับโจทย์อะไรจากพรรคไป เพราะทุกคนลงในนามพรรค ไม่ได้ลงอิสระเหมือนหลายทีม
เพราะฉะนั้นพรรคก็คือปราการที่จะคอยสนับสนุนให้ผู้สมัครทั้งผู้ว่าฯ ทีมงาน และ ส.ก. สามารถทำหน้าที่กับพี่น้องชาวกรุงเทพฯ ได้อย่างเต็มที่ โดยมีหลักประกันคือพรรคจะเป็นหลังพิง เป็นกำแพงให้คนกรุงเทพฯ ได้มั่นใจว่าเรารับผิดชอบต่อชาว กทม. ร่วมกัน ไม่ปล่อยเฉพาะผู้สมัคร แต่ประชาธิปัตย์ก็มาเป็นหลักประกันให้กับชาว กทม. ด้วย ในฐานะสถาบันทางการเมืองที่ยั่งยืนของประเทศ
ติงกฎหมายพิสดาร ห้ามหัวหน้าพรรคหาเสียงช่วยผู้ว่าฯ
ผู้สื่อข่าวถามว่า จากการที่การเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งนี้ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไม่สามารถช่วยหาเสียงได้ จะทำให้กลายเป็นข้อเสียเปรียบอย่างไรหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นอุปสรรค เช่น หัวหน้าพรรคก็ไปช่วยหาเสียงไม่ได้ รองหัวหน้าพรรคหลายท่านที่ดำรงตำแหน่งทางการเมืองก็ไปช่วยหาเสียงไม่ได้ ซึ่งเป็นความพิสดารของกฎหมายที่เกิดในปี 2562 มาก เพราะสมัยก่อนถ้าส่งในนามพรรค พรรคก็ต้องไปช่วยหาเสียงได้ ไม่เช่นนั้นกลายเป็นว่าพอส่งในนามพรรคแต่ติดอุปสรรคไปช่วยหาเสียงไม่ได้ เพราะฉะนั้นกฎหมายนี้ต้องแก้ และพรรคประชาธิปัตย์เสนอแก้ไปแล้ว แต่ไม่ทัน ยังค้างอยู่ในวาระสภา ดังนั้นในอนาคตมันจำเป็นต้องแก้
“มันเหมือนผู้แทนราษฎร ถ้าส่งในนามพรรค พรรคก็ต้องไปช่วยหาเสียงได้ ถ้าส่งในนามพรรคแล้วห้ามพรรคหาเสียง ต่อไปมันก็กลายเป็นว่าบังคับให้ทุกคนต้องลงอิสระกันหมด ถ้าเป็นอย่างนั้นสถาบันการเมืองคือพรรคการเมืองก็อ่อนแอ ไม่มีความสำคัญ ประชาธิปไตยเราพยายามส่งเสริมให้พรรคการเมืองเข้มแข็ง และมีความสำคัญ ผู้สมัครจะได้รับผิดชอบร่วมกันกับพรรค ไม่ใช่อิสระจะทำอะไรก็ได้ ไปคนเดียว ถึงเวลาพออยากทำโน่นก็ทำ อยากทำนี่ก็ทำ ไม่อยากทำนี่ก็ไม่ต้องทำ แล้วก็กลับบ้านจบ เพราะไม่มีพรรคการเมืองสังกัด เพราะฉะนั้นกฎหมายนี้ต้องแก้ แล้วประชาธิปัตย์เสนอแก้ไปแล้ว เป็นพรรคเดียวที่เสนอแก้ไป เพราะเราเห็นว่าถ้าบ้านเมืองเราจะเป็นประชาธิปไตย อันนี้เป็นส่วนหนึ่งที่จะเป็นตัวชี้วัดเป็นรูปธรรมว่าเราต้องเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองส่งผู้สมัครท้องถิ่นได้ และไปช่วยหาเสียงได้ เพราะเขาต้องรับผิดชอบต่อผู้สมัครของเขา”
ส่วนที่ผู้สื่อข่าวถามถึงความมั่นใจในการได้รับการเลือกตั้ง ส.ก. นั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ตนมั่นใจว่าดีขึ้น และไม่ได้วัดจากความรู้สึกตัวเอง แต่ 3 ปีที่ผ่านมา วันนี้กับเมื่อ 3 ปีก่อนแตกต่างกัน ในการเลือกตั้งครั้งก่อน แม้ว่าเราไม่ได้ ส.ส.ในกรุงเทพฯ เลยสักคนเดียว แต่ 3 ปีที่เรามุ่งมั่นอดทน และทุ่มเทให้ชาวกรุงเทพมหานคร ตนก็คิดว่าคนกรุงเทพฯ เห็น เพราะประชาธิปัตย์เป็นพรรคหนึ่งที่ลงพื้นที่ต่อเนื่อง ยามเกิดสถานการณ์โควิดเรามีหลายโครงการลงไปช่วยเยียวยาพี่น้องชาวกรุงเทพฯ จัดหาเตียงให้ ถุงน้ำใจ ปชป. จุรินทร์ออนทัวร์ ผู้สมัครทั้งหมดได้ทำมาโดยต่อเนื่อง
“ผมมั่นใจว่าคนกรุงเทพฯ เห็น และทราบด้วยว่าคนกรุงเทพฯ เห็น เพราะจากการลงพื้นที่ เสียงตอบรับดีขึ้นมาก และทุกคนก็ยอมรับว่าเราไม่ทิ้งเขา นอกจากนั้นผลสำรวจต่างๆ แม้มีบางโพลบอกว่าคะแนนไม่เคยดี แต่ว่าพอดีหลายๆ โพล เอามารวมกัน แล้วมาดูอย่างทั่วถึงแล้ว มันก็สอดคล้องกับเสียงตอบรับที่เราลงพื้นที่ นั่นก็คือเสียงตอบรับประชาธิปัตย์ดีขึ้นมากในช่วง 3 ปีนี้ เพราะฉะนั้นก็มั่นใจว่าเราจะได้รับเลือกตั้งไม่น้อยทีเดียว ส่วนจะบอกว่ากี่คน ก็ยังคะเนไม่ได้ เพราะผู้สมัครจะมีใครบ้าง คู่แข่งเป็นใครก็ยังไม่ชัดเจนทั้งหมดเพราะยังไม่ได้ลงสมัคร ส่วนผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ดร.เอ้ ไม่ว่าโพลไหน ก็ติดลำดับคู่แข่งคนสำคัญคนหนึ่ง ถือเป็นความสำเร็จเบื้องต้นแล้ว ผู้สมัคร ส.ก. ก็มีคุณภาพทั้งหมด เพราะมีระดับการศึกษาจบปริญญาเอก ปริญญาโท ถึง 26 คน เกินครึ่ง นอกจากนั้นยังมาจากหลากหลายอาชีพที่เข้ามาทำหน้าที่ ส.ก. ได้ ผมจึงมั่นใจว่าเสียงตอบรับดีขึ้นแน่นอน”
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการเตรียมการเพื่อเปิดชุดนโยบายเมื่อไหร่นั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า สุชัชวีร์ จะเป็นผู้ประกาศ ซึ่งได้ประกาศไปแล้ว และเมื่อถึงช่วงเวลาที่ลงสมัครรับเลือกตั้งแล้วจะได้มีการหยิบยกขึ้นมาขีดเส้นใต้ หรือยกขึ้นมาไฮไลท์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กับทีม ส.ก. จะเป็นคนทำหน้าที่ เพราะเมื่อถึงเวลานั้นพรรคก็ไปหาเสียงให้ไม่ได้แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จากการที่เคยระบุว่าจะให้ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มาช่วยหาเสียงนั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องนี้ อภิสิทธิ์ จะได้ประสานกับ องอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่ง องอาจจะเป็นผู้ประสานงานต่อไป
“ท่านสนับสนุนพรรคอยู่แล้ว และเป็นสมาชิกพรรคอยู่ เป็นอดีตหัวหน้าพรรค เป็นผู้ที่พวกเราเคารพนับถือให้ความสำคัญเช่นเดียวกับอดีตหัวหน้าพรรคเราทุกคน ส่วนการลงมาช่วยหาเสียงนั้นท่านองอาจจะเป็นผู้ประสานงาน”
'จุรินทร์' ควง 'สุชัชวีร์' ลุยหาเสียง 'พญาไท'
เมื่อเวลา 15.30 น. ที่ซอยพหลโยธิน 9 เขตพญาไท จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นำ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. สังกัดพรรค ลงพื้นที่เขตพญาไท พร้อมด้วย ปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรค และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจทันสมัย แทนคุณ จิตต์อิสระ ดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ เดินพบปะประชาชนในพื้นที่ตั้งแต่บริเวณซอยพหลโยธิน 9 ทักทายพี่น้องประชาชน วินมอเตอร์ไซค์ โดยได้รับเสียงตอบรับจากพี่น้องประชาชนที่พบเห็นเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ ได้แวะเข้าไปที่ร้านตัดเสื้อดังในย่านดังกล่าว และได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี ขอถ่ายรูปร่วมกัน พร้อมกับระบุว่าขอให้ชื่อเสียงของพรรค กลับมามีชื่อในกรุงเทพฯ เหมือนเดิม คราวที่แล้วรู้สึกเสียดายที่หายไป
ขณะที่ สุชัชวีร์ กล่าวว่า การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ครั้งนี้ ตนมีความมั่นใจ และฝากให้พิจารณาทีม ส.ก. ทั้ง 50 เขตซึ่งมีความพร้อมทุกคน นอกจากนี้ยังได้เข้าไปแนะนำตัวในโรงรับจำนำ ซึ่งเจ้าของโรงรับจำนำระบุว่า ตนชอบคนหนุ่มและสนับสนุนอยู่แล้ว คนหนุ่มช่วยแก้ไขให้เราได้ แล้วก็มั่นใจว่าจะเลือกคนหนุ่ม ไม่เลือกคนแก่