เริ่มตั้งแต่ที่ ‘เฮียชูวิทย์’ เดินหน้าดับเครื่องชนใส่กรมตำรวจเต็มลำกรณี ‘ทุนจีนสีเทา’ หลังตำรวจไปบุกผับจินหลิงของ ‘ตู้ห่าว’ แทนที่จะจับตัวมือไม้ของตู้ห่าวไว้สอบสวนก่อน กลับปล่อยตัวไปพร้อมกับคืนรถหรูของกลางไปด้วย
พอยิ่งสาวไปเรื่อยๆ เรื่องยิ่งหึ่ง ทั้งบ่อน ยาเสพติด ตบทรัพย์ ฟอกเงิน รีดไถ ลามไปเจออีกว่าภรรยาตู้ห่าวยังเป็นตำรวจระดับ พ.ต.อ. ด้วย คดีเหมือนจะเอาไม่อยู่เพราะมีคนใหญ่คนโตพัวพันเต็มไปหมด จนเฮียชูวิทย์ต้องกระแทกซ้ำ ทำให้อัยการสูงสุดต้องมาร่วมคลี่คลายคดีจนสั่งฟ้องข้อหาหนักได้
ยังไม่หมดหนึ่ง ช่วงเวลาปลายปีเดียวกัน เจ้าหน้าที่นอกรีตยังโดนแฉต่อ กรณีแก๊งชาวจีนรับปลอมวีซ่าถูก ตำรวจ 191 กับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอรีดไถเงินเกือบ 10 ล้านบาท เพื่อแลกกับการปล่อยตัวให้หนีออกนอกประเทศ
ยังไม่หมดสอง เปิดปีใหม่มาเจอกรณีขบวนรถนำวีวีไอพีโดยตำรวจ ถูกแฉผ่านคลิปนักท่องเที่ยวจีนที่ได้รับการบริการต้อนรับตั้งแต่เครื่องบินลงจอด เข้า ตม. ด้วยเวลาอันรวดเร็ว และใช้รถตำรวจนำขบวนไปส่งถึงพัทยาด้วยค่าบริการ 7,000 บาทต่อคน
ยังไม่หมดสาม ห่างจากขบวนวีวีไอพีไม่กี่วัน นักแสดงสาวชาวไต้หวันแฉผ่านเฟซบุ๊กต่อว่าถูกตำรวจตั้งด่านรีดไถเงินถึง 27,000 บาท โดยเจ้าหน้าที่พยายามแถ สุดท้ายจนมุมหลักฐานต้องมารับผิดทีหลัง และถูกเด้งเข้ากรุ ฉาวไปทั่ว 'ห้วยขวาง'
กรณีงามไส้ของวงการสีกากีทั้งหมดถูกตั้งคำถามถึงประสิทธิภาพของฝ่ายความมั่นคงที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นผู้บริหารสูงสุด ว่าหน่วยงานทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกำลังทำอะไรอยู่ ทำไมความมั่งคงภายในประเทศถึงยังไม่ตกถึงประชาชน
เพราะเรื่องที่ชาวบ้านกำลังเป็นทุกข์ที่สุดนอกจาก “ปัญหาหนี้สินและขาดรายได้” ก็คือ “ยาเสพติดระบาด” ไม่ใช่เรื่องตำรวจนอกรีตที่เป็นเพียงองค์ประกอบของปัญหาต้นนำ้ยันปลายน้ำ
ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ ที่กำลังขยันหาพื้นที่ซื้อใจประชาชนเพื่อให้ได้ไปต่อในการเลือกตั้งสมัยหน้าก็อาจต้องทำการบ้านหนัก เพื่อตอบคำถาม ‘รังสิมันต์ โรม’ จาก ‘ก้าวไกล’ ในสภาให้ได้
เพราะ ‘โรม’ มีข้อมูลขบวนการจีนสีเทาที่รับไม้ต่อมาจาก ‘เฮียชูวิทย์’ ว่าในความอลหม่านของคดีตู้ห่าวนี้มี ‘หลานประยุทธ์’ ไปเกี่ยวข้องในปมของธุรกิจรถเช่าที่อาจเข้าข่ายทัวร์ศูนย์เหรียญ
เพราะ ‘โรม’ เปรยมาแล้วว่าการโยกย้ายว่าที่ พ.ต.อ.กฤศณัฏฐ์ ธนศุภณัฏฐ์ ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล มีความผิดปกติ
ผิดปกติหนึ่ง เพราะว่าที่ พ.ต.อ.กฤศณัฏฐ์ เป็นหัวหน้าคดีจับกุม ‘ทุน มิน ลัต’ นักธุรกิจคนสนิท ‘มิน อ่อง หล่าย’ เบอร์หนึ่งของกองทัพเมียนมา ที่ถูกจับข้อหาค้ายาเสพติดและฟอกเงิน อัยการสั่งฟ้องไปเมื่อตุลาคม 2565
แม้ผลงานเข้าตาได้รางวัลจากการปฏิบัติหน้าที่ดีเด่นจากการจับกุมยาเสพติด แต่ดันถูกย้ายไปเป็นผู้กำกับที่ สภ.บ้านเดื่อ จ.ชัยภูมิ แทน และคำสั่งโยกย้ายดังกล่าวก่อนหน้านี้ไม่มีชื่อ ว่าที่ พ.ต.อ.กฤศณัฏฐ์ แต่มาเพิ่มชื่อทีหลัง
ทั้งที่บันทึกสั่งการของ ผบ.ตร. เรื่องการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ วาระประจำปี 2565 วางแนวทางไว้ว่าการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจในส่วนที่ต้องรับผิดชอบงานป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมให้คำนึงถึงงานด้านยาเสพติดเป็นสำคัญ
ผิดปกติสอง ‘โรม’ ตั้งคำถามว่า การไปเยือนเมียนมาของ พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.สส. เพื่อเข้าพบ มิน อ่อง หล่าย นั้น “สงสัยว่าอาจคุยกันเรื่องให้การช่วยเหลือเกี่ยวกับคดีทุน มิน ลัตด้วยหรือไม่”
เพราะ ทุน มิน ลัต เป็นมือไม้ที่ช่วยจัดการด้านทรัพย์สินและการเงินให้กับมิน อ่อง หล่ายและครอบครัว และยังพบว่า ตอนตำรวจตรวจค้นทรัพย์สินในครอบครองของทุน มิน ลัต พบว่ามีโฉนดที่ดินกับสัญญาซื้อขายคอนโดมิเนียมและสมุดบัญชีในชื่อลูกของมิน อ่อง หล่าย รวมอยู่ด้วย
ไปๆ มาๆ ยาเสพติดระบาดหนนี้มีทั้งทุนจีนเทา ทั้งทุนเมียนมา เข้ามาทั้งสองทิศทาง แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ที่มีทั้งเครื่องมือและงบประมาณมหาศาลในหน่วยงานความมั่นคงทำไมถึงกลับไปเน้นขับเคลื่อนประเด็นประวัติศาสตร์ชาติแทน โดยให้ กอ.รมน. ปูพรมยกทัพหนังนเรศวรสอนหนังสือให้เด็กรักชาติยิ่งขึ้น ส่วนในหน่วยตำรวจก็มีการให้ ‘รางวัลจักรดาว’ เพราะปราบม็อบราษฎรได้ยอดเยี่ยม
ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ในอำนาจมา 8 ปี แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาที่เรื้อรังบานปลายได้ คำถามจึงย้อนกลับมาที่พรรคฝั่งประชาธิปไตยที่กำลังพยายามเดินเครื่องเพื่อแลนด์สไลด์ในการเลือกตั้งสมัยหน้าให้ได้
เพราะมี ‘โนว์ฮาว’ ปราบยาเสพติดสมัยไทยรักไทย ดังที่ นพ.พรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช อดีตรองนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการนโยบายพรรคเพื่อไทย เคยบอกกับ ‘วอยซ์’ ไว้ว่าสมัยไทยรักไทยใช้แคมเปญการเลือกตั้ง ‘3 สงคราม’ คือ สงครามกับความยากจน สงครามกับยาเสพติด และสงครามกับคอร์รัปชั่น
“ต้องตัดตั้งแต่ต้นทางที่การซื้อขายตำแหน่งของเจ้าหน้าที่รัฐ เพราะการซื้อขายตำแหน่งทำให้ข้าราชการต้องหาเงิน วิธีหาเงินก็ต้องหากับคนทำผิดกฎหมาย แต่ถ้าผู้นำหย่อนยาน ‘หัวไม่ส่าย หางก็ไม่กระดิก’
"เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าปัญหานี้เกิดขึ้นจากเจ้าหน้าที่รัฐรู้เห็นเป็นใจ ดังนั้นการจัดการเรื่องยาเสพติด ต้องจัดการด้วยความเข้มงวด เจ้าหน้าที่รัฐต้องชัดเจน ทหารเองก็สำคัญเพราะตอนนั้นประเทศไทยเป็นทางลำเลียงยา ก็ต้องปิดประตูไม่ให้เข้ามา”
‘โนว์ฮาว’ ที่หมอมิ้งอธิบายนี้ถูกใช้เมื่อปี 2544 ผ่านมากว่า 20 ปี ยังจะทรงพลังหรือไม่ ไม่มีใครรู้
แต่ถ้าเลือกตั้งรอบนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้เป็นนายกฯ ต่อ อันนี้ประชาชนจะได้รู้วววววเลยยยย.