รายการ Talking Thailand ประจำวันที่ 20 เมษายน 2563
“คำผกา” ชื่นชม! ส.ส.รุ่นใหม่ แม้อยู่พรรคร่วมรัฐบาล แต่ทำหน้าที่สมกับที่ได้รับเลือกตั้ง โดยเฉพาะ “สิริพงศ์” ตั้งแต่ไม่โหวต “ประยุทธ์” เป็นนายกฯ แล้ว หลังชวนเพื่อน ส.ส. จี้ “อุตตม” ตอบทั้งปมกู้เงินเป็นล้านล้าน แถมมาตรการช่วยเหลือประชาชนก็ไม่ทั่วถึง ส่วน “ใบตองแห้ง” ขยี้ปมกู้เงินที่จนประกาศ พ.ร.ก.แล้ว ก็ยังไม่เคยชี้แจงอะไร
ตัวแทนพรรคร่วมรัฐบาลทั้ง ประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติพัฒนา เข้ายื่นหนังสือถึงนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เพื่อให้ชี้แจงรายละเอียดการ หลักเกณฑ์ และวิธีการใช้เงินกู้ 1.9 ล้านล้านบาท แก้ปัญหาผลกระทบโควิด-19 โดยนายสิริพงษ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีษะเกษ พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า รายละเอียดการใช้เงินตาม พ.ร.ก.กู้เงินฉุกเฉิน ยังไม่ชัดเจนในหลายประเด็น เช่น การแจกเงินเยียวยา 5,000 บาท ยังเห็นช่องโหว่ จะทำอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ ขณะที่เงินกู้ 500,000 ที่จะใช้ปล่อยซอฟโลนให้ผู้ประกอบการ จากการสอบถามธนาคารพาณิชย์ยังไม่มีความชัดเจน กังวลและสงสัยว่าจะถึงมือผู้ประกอบการรายย่อย, เอสเอ็มอีหรือไม่ รวมถึงกองทุนพยุงหุ้น 400,000 ล้านบาท ยังเป็นที่วิพากษวิจารณ์อย่างมากในแง่แวดวงธุรกิจว่าเป็นการช่วยเหลือเฉพาะรายใหญ่เท่านั้น
นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ยืนยันว่า การยื่นหนังสือวันนี้ไม่ใช่ไม่เห็นด้วย หรือมีเจตนาคัดค้านการออก พ.ร.ก.กู้เงินฉุกเฉิน / ตระหนักดีถึงภารกิจของรัฐบาล และความเดือดร้อนของประชาชน แต่เงินกู้ 1 ล้านล้านของ พ.ร.ก.ก้อนแรก ที่แบ่งเป็น 6 แสนล้าน และ 4 แสนล้าน อยากถามถึงการจัดสรรแบ่งปันให้ประชาชน มีหลักเกณฑ์อย่างไร ให้กับใครบ้าง และคนละเท่าใดเป็นระยะเวลากี่เดือน ซึ่งในตัว พ.ร.ก. ยังไม่เห็นในรายละเอียดเหล่านี้
โดยตั้งข้อสังเกตว่า ที่ผ่านมาการมอบเงินเยียวยา 5,000 บาท เป็นปัญหาอย่างมาก รัฐบาลตั้งเป้าไว้ที่ 3 ล้านคน สุดท้ายต้องขยับเป็น 9 ล้านคน แต่ผู้มาทะเบียนมากกว่า 20 ล้านคน นี่คือความไม่ชัดเจนของหลักเกณฑ์ที่ทางกระทรวงการคลังไม่ได้ประกาศบอกกับประชาชน เมื่อมีบทเรียนแล้วอยกให้เอาบทเรียนมาวิเคราะห์ว่าวิธีการจะมอบเงินเยียวยาจะทำอย่างไรได้บ้าง”
พร้อมกันนี้ ยังเสนอแนวทางการแจกเงินช่วยเหลือควรให้กับคนทุกอย่างเท่าเทียวและทั่วถึง ซึ่งประชากรในประเทศมีราว 70 ล้านคน อยู่ในระบบประกันสังคมประมาณ 10 ล้านคน ฉะนั้นเหลือคนนอกระบบประมาณ 60 ล้านคน ให้คิดง่ายๆว่า คนละ 10,000 บาท จะใช้เงินแค่ 6 แสนล้านบาท
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การแจกเงิน 5,000 บาท ไม่เข้าใจว่ารัฐบาลประเมินอย่างไร มองว่าจะมีอาชีพและคนเดือนร้อนผุดขึ้นเป็นดอกเห็นแน่นอน และจะเยียวยาไม่จบสิ้น และจะสลับซับซ้อนมากขึ้น พร้อม เสนอทางออกคือ แจกเงินทั้งประเทศ ให้ผู้ที่อายุ 18 ปีขึ้นไป เยียวยาคนละ 5,000 บาท โดยตรวจสอบจากบัญชีเงินฝากไม่เกิน 1 แสนบาท เพราะถ้าไม่ถึงแสนถือว่ายากจนแน่นอน ส่วนคนที่ไม่มีบัญชีเงินฝากแสดงว่าจนหนัก เชื่อว่าจะไม่มีข้อครหาและสามารถอธิบายต่อสังคมได้
ส่วนที่สองคือกลุ่มเกษตรกร ประมาณ 9 ล้ายครอบครัวที่รัฐบาลมีแนวคิดจะแจกเงินช่วยเหลือเช่นกัน เสนอให้จ่ายเงินเยียวยาทุกครอบครัวในประเทศ 20 ล้านครัวเรือนละ 10,000 บาท ไมใช่เฉพาะเกษตรกร ยกเว้นข้าราชการรับเงินเดือนและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ และตัดผู้มีอันจะกินออกไป ประเมินว่าจะเหลือประมาณ 12 ล้านครอบครัว จ่ายแบบนี้ก็จะไม่มีข้อขรหาเช่นกันตามบัญชีเลขทะเบียนบ้าน / ที่ผ่านมาไม่เคยไม่การชี้แจงในฝ่ายร่วมรัฐบาลเลย เพราะติดปัญหาเรื่องโควิด-19 ดังนั้นเพื่อตอบคำถามและประเด็นที่ประชาชนสงสัย กระทรวงการคลังต้องชี้แจงในรายละเอียด”
ทั้งนี้ในบัญชีท้าย พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ 1 ล้านล้านบาท พบว่ารัฐบาลมีแผนจัดสรรเงินตามแผนงานหรือโครงการในกรอบกว้าง ๆ 3 กลุ่ม คือ 1.แผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์ทางการแพทย์และสาธารณสุข เพื่อแก้ปัญหาการระบาดของโควิด-19 วงเงิน 45,000 ล้านบาท โดยกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่ ครม.มอบหมาย มี 5 แผนงานหรือโครงการย่อย 2.แผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือ เยียวยา และชดเชยประชาชน เกษตรกร และผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบโควิด-19 วงเงินรวม 555,000 ล้านบาท มี 4 แผนงานหรือโครงการย่อย และกลุ่มที่ 3 เพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมวงเงิน 4 แสนล้านบาท