นักวิเคราะห์ Talking Thailand ชี้ “รัฐบาล” ให้ หมอ “ทวีศิลป์” รายงานตัวเลขคนติดเชื้อโรคน้อยลงทุกวัน แต่อ้างความเสี่ยง ทั้งที่ไม่มีข้อยืนยัน คนติดเชื้อเพราะไปห้าง หรือตัดผม...ผสมโรงกับ สมช. ส่อชง ศบค. ต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ อ้างมาตรการคุมโรค จะได้เป็นเอกภาพ
ยิ่งเห็นโพสต์ “วัฒนา” แอดก็ยิ่งหมดข้อสงสัย...ต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะ “กลัวม็อบ” นี่เอง
พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม สมช. มีมติต่ออายุการบังคับใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 อีก 1 เดือน จากเดิมจะสิ้นสุด 31 พ.ค.63 ให้ครอบคลุมจนถึง มิ.ย. 63 เนื่องจากมองว่า ช่วง 1 เดือนจากนี้ไป จะมีการผ่อนคลายมาตรการระยะที่ 3 และ 4 จำเป็นต้องมีเครื่องมือในการกำกับมาตรการให้เป็นไปอย่างมีเอกภาพ โดยเตรียมเสนอเข้าที่ประชุม ศบค. วันที่ 22 พ.ค. หากได้ความเห็นชอบ จะนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. สัปดาห์หน้า
พล.อ.สมศักดิ์ ระบุว่า ที่ประชุมมีตัวแทนทั้งฝ่ายความมั่นคง สาธารณสุข ประชาคม ข่าวกรอง ภาคธุรกิจและภาคเอกชน โดยการพิจารณาได้ยึดหลักความปลอดภัย และด้านสาธารณสุขเป็นสำคัญ โดยที่ผ่านมา ศบค.ใช้กฎหมาย 2 ตัวควบคุมสถานการณ์ คือ พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ กับ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ควบคู่กัน ทำให้ภาพรวมการบริหารจัดการทั้งประเทศเป็นมาตรฐานเดียวกัน
"เราไม่ต้องการ second wave กลับมา มีหลายประเทศที่ปลดล็อกได้อย่างรวดเร็วนำมาสู่การแพร่ระบาดในระลอกที่ 2 เราไม่ต้องการให้ไทยเป็นเช่นนั้น เพราะฉะนั้นการผ่อนคลายระยะที่ 3 ระยะที่ 4 ต้องทำด้วยความระมัดระวังและกลไกที่จะทำให้ความระมัดระวังนั้นเกิดขึ้น นั่นก็คือพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯที่เราจะต่ออีก 1 เดือน"
เลขาธิการสมช. ยังยืนยันว่า การเสนอให้ต่ออายุการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินไปอีก 1 เดือน ไม่ได้หวังผลหรือมีนัยทางการเมืองใด ๆ เป็นเหตุผลใช้ควบคุมด้านสาธารณสุขเป็นหลัก ทั้งนี้ มาตรการผ่อนปรนระยะที่ 3 และมาตรการจำกัดการออกนอกเคหะสถาน หรือเคอร์ฟิว จะพิจารณาอีกครั้งในการประชุม สมช. 27 พ.ค.นี้ ทราบดีว่า การประกาศเคอร์ฟิวอาจกระทบกระเทือนความเป็นอยู่บ้าง ก็จะหารือร่วมกันกับทุกภาคส่วน และขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ ศบค.ด้วย
ส่วนการเปิดภาคเรียน ยังคงเป็นวันที่ 1 ก.ค. 63 ตามที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด แต่จะเปิดก่อนหน้านั้นหรือไม่ขึ้นอยู่กับความพร้อมของกระทรวง ซึ่งต้องพิจารณาจากมาตรการต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับคำสั่งของรัฐบาลด้วย ยืนยันว่าการดำเนินการทุกอย่าง มาจาก 14 วันที่แล้ว หากทำได้ดีก็เป็นผลมาถึงวันนี้ และผลวันนี้ ก็จะมีผลต่อการดำเนินการในอีก 14 วันข้างหน้าต่อไปเช่นกัน
ด้านนายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊ก ใจความตอนหนึ่งระบุว่า
เมื่อวันที่ 25 มี.ค. 63 พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วราชอาณาจักรถึงวันที่ 30 เม.ย. เพื่อควบคุมการระบาดโควิด-19 ต่อมาได้ขยายระยะเวลาออกไปจนถึงวันที่ 31 พ.ค. โดยอ้างเหตุผลว่า “ยังคงมีการระบาดรุนแรงอยู่ในหลายประเทศและยังมีการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร”
ความจริงแล้ว ผอ. สำนักงานการบินพลเรือนฯ ได้ออกคำสั่งห้ามเครื่องบินทุกชนิดบินเข้าสู่ประเทศไทยจนถึงวันที่ 30 มิ.ย. ดังนั้น เหตุผลที่ว่ายังมีการระบาดในต่างประเทศและยังมีการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรจึงไม่เกี่ยวกัน และโกหกประชาชน อีกทั้งการห้ามเครื่องบินเข้ามาก็ไม่เกี่ยวกับ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน เป็นการใช้อำนาจตาม พ.ร.บ. การเดินอากาศ พ.ศ. 2497
สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของไทยหลังโควิด-19 จะหนักหนาสาหัส จีดีพีจะติดลบและคนจะตกงาน 7-10 ล้านคน คนไทยจึงต้องการคนเก่งเป็นพิเศษมานำประเทศออกจากวิกฤต และอย่าใช้ฉวยโอกาสปิดประเทศต่อเพราะกลัวคนออกมาไล่ เพราะยิ่งปิดประเทศนานเศรษฐกิจยิ่งพัง ส่วนกรรมจะตกอยู่กับประชาชน