รายการ Talking Thailand ประจำวันที่ 3 พฤศจิกายน 2563
นักวิเคราะห์ Talking Thailand ประเมินท่าที ”ประยุทธ์” ที่นับวันจะออกแนวรายยาวไปเรื่อย ใช้คีย์เวิร์ดซ้ำๆ เดิม ๆ ผ่านวิธีคิดเดิมๆ ไม่เปลี่ยน และไม่ได้ทำให้ประเทศดีขึ้น จน “อ.วิโรจน์” สรุปให้เห็นภาพว่า “ผมว่าเค้าโง่” แถมงานนี้สื่อเชียร์ยังรายงานว่า “ประยุทธ์” บ่นกลางวง ครม. ปมถูกเยาวชนภูเก็ต ยิงเลเซอร์ไล่ “ผมผิดเอง” ...อ้าว! รู้ว่าผิด ก็ลาออกสิครับ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แถลงหลังการประชุม ครม.สัญจร ที่ภูเก็ต โดยไม่ตอบคำถามทางการเมือง ระบุเพียงเนื้อหาการประชุมว่า รัฐบาลต้องการสร้างการรับรู้ให้ประชาชนได้เห็นว่าเอาจริงกับการแก้ปัญหาด้านสุขภาพและเศรษฐกิจ
ตลอด 2 วัน ได้รับฟังปัญหา ข้อขัดข้อง ข้อเสนอแนะ ของผู้ประกอบการกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ทั้งการเยียวยา ฟื้นฟู เตรียมการเรื่องท่องเที่ยวในวันนี้และอนาคตต้องพัฒนาให้มากขึ้น โดยเฉพาะภูเก็ต และเกาะสมุย ที่อาศัยรายได้จากท่องเที่ยวและบริการมากถึง 90% แต่สถานการณ์เช่นนี้อาจเกิดขึ้นได้อีก เพราะโรคอุบัติใหม่มีตลอด ผลกระทบครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนทุกรัฐบาล สิ่งสำคัญคือการปรับรูปแบบ โครงสร้างของเศรษฐกิจขึ้นใหม่ พร้อมนำแนวพระราโชบาย รัชกาลที่ 9 และรัชกาลที่ 10 สืบสานรักษาต่อยอดตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง รัฐบาลมีแผนพัฒนาประเทศไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนปฏิรูป มีผลงานปรากฏจำนวนมาก แต่ยังสร้างการรับรู้ได้ไม่มากนัก จึงสั่งปรับให้มีการนำเสนอใหม่ ให้ประชาชนได้เห็นสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น และสิ่งที่สำเร็จแล้ว
สิ่งที่ได้รับการเสนอมารัฐบาลรับไว้พิจารณาทั้งหมด แต่มีรายละเอียดมากพอสมควร อะไรที่ทำได้ก็จะทำ แต่อะไรที่มีปัญหาก็ต้องศึกษาก่อน กฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึงงบฯ ด้วย และต้องเป็นประโยชน์กับประชาชน
นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม. ได้อนุมัติโครงการสำคัญของรัฐบาล หลังร่วมกันให้ความเห็นชอบโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยางพารา ระยะที่ 2 และโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี63/64 รอบที่ 1 ยืนยันรัฐบาลให้ความสำคัญเกษตรกร แต่จะช่วยกันไม่ให้ปัญหาเรื่องการใช้จ่ายงบฯ มากเกิน จนรัฐบาลมีปัญหา
แม้ขณะนี้ราคายางเริ่มดีขึ้น แต่ราคายังไม่มั่นคงมากนัก เพราะประเทศผู้ปลูกยางได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง อุทกภัย ภัยพิบัติ ส่งผลต่อราคายาง แต่เกษตรต้องระวังการปลูกพืชเชิงเดี่ยว จำเป็นต้องมีการปลูกพืชชนิดอื่นด้วย หรือการเลี้ยงสัตว์ในสวนยาง เป็นต้น
สิ่งสำคัญที่สุดวันนี้คือ เราจะทำอย่างไรให้ธุรกิจที่ยังมีโอกาส มีศักยภาพอยู่ ที่ไม่ใช่เรื่องการท่องเที่ยวและบริการโดยตรงสามารถเดินต่อได้ เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนทางรายได้ มีเงินอยู่ในระบบ วันนี้สิ่งที่ได้รับแจ้งมาจากมาตรการของรัฐบาล คือ เรื่องคนละครึ่ง และเราเที่ยวด้วยกัน ได้รับความนิยม จึงสั่งการว่าในเมื่อวงเงินเหลืออยู่ ให้ดูว่าจะปรับปรุงอะไรได้มากขึ้น หรือไม่ มีมาตรการอื่นเสริมหรือไม่ ที่ผ่านมาเป็นเรื่องของรัฐและประชาชนช่วยกัน ต่อไปอาจเป็นภาคธุรกิจเอกชนมาร่วมกันด้วยได้ไหม
“ผมรับฟังทุกคนทุกพวกทุกฝ่าย แต่รัฐบาลจำเป็นต้องใช้กลไกในการบริหารปกติของรัฐบาล กลไกของรัฐสภาในการแก้ปัญหา นั่นคือสิ่งที่ทุกรัฐบาลจำเป็นต้องยึดมั่น อาศัยกระบวนการยุติธรรมที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ก้าวล่วงซึ่งกันและกันมิได้ ก็ขอความร่วมมือจากประชาชนทุกคนในประเทศนี้ด้วย ขอบคุณในการต้อนรับของประชาชนภาคใต้ โดยเฉพาะสมุยและภูเก็ต ถือเป็นตัวแทนประชาชนในภาคใต้ เห็นถึงความรักสามัคคี ความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ที่ได้แสดงออกมา ผมก็ตื้นตันกับประชาชนของเรา แม้กระทั่งใน กทม. ทุกคนแสดงถึงเจตนาปรารถนาบริสุทธิ์ที่จะทำให้ชาติประเทศชาติปลอดภัย ทุกอย่างก็จะดีขึ้นเอง ทุกอย่างต้องเริ่มต้นด้วยความสงบเรียบร้อย เริ่มต้นด้วยสิ่งที่มันถูกต้อง มีวัฒนธรรม มีอัตลักษณ์ ประเพณี สิ่งเหล่านี้จะทำให้ประเทศชาติเราเข้มแข็งต่อไปในอนาคต ขอฝากทุกคนไว้ด้วย”
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ มีกำหนดลงพื้นที่ย่านเมืองเก่า วันที่ 3 พ.ย. แต่คืนวันที่ 2 พ.ย. กลุ่มภูเก็ตปลดแอกได้ยิงเลเซอร์ต่อต้าน และระบุผ่านเฟซบุ๊กว่า “การฉายเลเซอร์ถือเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์อย่างสันติวิธี การเดินทางมาภูเก็ตของคณะรัฐมนตรีรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เปรียบเสมือน #ผักชีโรยหน้า ที่เหล่าข้าราชการในพื้นที่ร่วมใจกันมอบให้นายใหญ่ พร้อมใจกันไม่เห็นหัวประชาชน โกหก ทรยศ คนภูเก็ตซ้ำแล้วซ้ำอีก การที่บอกว่า จะรับเรื่องไปแก้ปัญหา แต่สุดท้ายคุณภาพชีวิตคนภูเก็ตเหมือนเดิม
พวกเราชาวภูเก็ต (ไม่ทน) ไม่ต้องการคำหลอกลวงพวกนั้นอีกแล้ว ข้อเสนอของเราต่อคณะรัฐบาลในตอนนี้ก็คือ #นายกต้องลาออกเท่านั้น !!!! #ครมผักชี #ครมสัญจรผักชีโรยหน้า #ศูนย์ราชการแห่งใหม่เมื่อไหร่จะสร้างเสร็จ #ภูเก็ตจ่ายภาษีแพงมากแต่ไม่มีพัฒนาอะไรเลย
ขณะที่สื่อออนไลน์หลายสำนัก ทั้ง ไทยรัฐ , เมเนเจอร์ , สยามรัฐ , ไทยโพสต์ รายงานอ้างตรงกันว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้เปรยขึ้นมาในที่ประชุม ครม. ว่า “ผมผิดเองที่มาอยู่ตรงนี้ และผิดที่ไม่สามารถทำตามคำเรียกร้องได้”
นอกจากนี้ในเพจ ยังโพสต์ภาพผู้ใช้งานเฟซบุ๊กรายหนึ่ง ที่ระบุว่าเป็นเจ้าของกิจการในย่านเมืองเก่า ถูกห้ามไม่ให้เข้าพื้นที่ในระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ กำลังเดินสำรวจและรับฟังปัญหา โดยแอดมินเพจระบุว่า มาลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหา หรือมาสร้างปัญหา มากกว่าเดิม? #ประยุทธ์ออกไป #ภูเก็ตปลดแอก