ไอเดียการ 'แชร์ที่พัก' เป็นที่พูดถึงในหลายประเทศในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และล่าสุด การเติบโตของสตาร์ตอัปในเมืองใหญ่ทำให้ค่าใช้จ่ายในการใช้ชีวิตในเมืองเหล่านี้สูงขึ้น จนทำให้เทรนด์ใหม่ แชร์ที่พักในเขตเศรษฐกิจสำคัญอย่างซิลิคอนแวลลีย์ และเมืองอื่น ๆ ในสหรัฐฯ
ซิลิคอน แวลลีย์ เขตเศรษฐกิจบริเวณตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย ในสหรัฐฯ ที่มีสำนักงานใหญ่ของบริษัทเทคโนโลยีตั้งอยู่จำนวนมาก กลายเป็นฮับแห่งนวัตกรรมและพื้นที่ที่ดึงดูดคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานและใช้ชีวิต
ความนิยมนี้ทำให้มูลค่าอสังหาริมทรัพย์และค่าครองชีพพุ่งสูงตามไปด้วย เทรนด์การแชร์พื้นที่พักอาศัยร่วมกัน จึงเกิดขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่เริ่มพบเห็นแล้วในออสเตรเลีย ฮ่องกง และเมืองที่มีค่าเช่าบ้านพักสูงและมีคนรุ่นใหม่เข้าไปทำงานจำนวนมาก
เจฟฟรี ย์ แพ็ง ซีอีโอและผู้ก่อตั้งบริษัทโฮมแชร์ เปิดเผยว่า ลูกค้าของเขาส่วนใหญ่อายุเฉลี่ยอยู่ที่ 28 ปี ประกอบอาชีพหลากหลาย ตั้งแต่วิศวกรไปจนถึงพนักงานบริการทั่วไป การแชร์ที่พักอาศัยทำให้พวกเขาเสียค่าเช่ารายเดือนเพียง 10 ถึง 15 เปอร์เซ็นต์จากราคาเต็ม โดยเขตซานโฮเซราคาจะอยู่ที่ 800 ดอลลาร์ หรือ 25,600 บาท และถ้าเข้าใกล้ซานฟรานซิสโกมากขึ้นราคาจะอยู่ที่ 1,200 ดอลลาร์ หรือ 38,000 บาทต่อเดือน ซึ่งผู้ก่อตั้งบริษัทโฮมแชร์ บอกว่าบริการนี้ช่วยให้ลูกค้าประหยัดเงินไปได้เดือนละ2,000 - 3,000 ดอลลาร์เลยทีเดียว
นอกจากนี้ ยังพบว่ามีลูกค้าอีกจำนวนหนึ่ง เลือกไลฟ์สไตล์แบบนี้ นั่นคือชื่นชอบการเข้าสังคม และการอยู่ร่วมกัน ที่สำคัญบริการนี้ ยังเหมาะกับรูปแบบงานของคนรุ่นใหม่ นั่นคือง่ายต่อการโยกย้าย เนื่องจากไม่ต้องทำสัญญาการเช่าที่พักระยะยาว
อีกเมืองหนึ่งที่เทรนด์นี้กำลังฮอตก็คือ ซิดนีย์ และเมืองใหญ่อื่น ๆ ในออสเตรเลีย เนื่องจากเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักศึกษาต่างชาติและ 'เด็กจบใหม่' ตลอดจน 'เฟิร์สต์จ็อบเบอร์' ซึ่งหลังจากนี้ จะมีบริการลักษณะนี้ขยายตัวเข้าสู่ตลาดอื่น ๆ ในเอเชียแปซิฟิก จนในที่สุดแล้ว บริการเช่นนี้ อาจถือเป็นตัวชี้วัดความเจริญและการเติบโตของชุมชนเมืองที่สำคัญได้ในอีกทางหนึ่ง
โฮมแชร์ ก่อตั้งเมื่อปี 2016 และเพิ่งระดมทุนเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาได้เงินไป 5.4 ล้านดอลลาร์ หรือ 172 ล้านบาท ปัจจุบันเปิดให้บริการหาที่พักร่วมในซานฟรานซิสโก ลอสแองเจลิส นิวยอร์ก และซีแอตเทิล ของสหรัฐฯ