รัฐบาลออสเตรเลียเตรียมสนับสนุนค่าใช้จ่ายให้บ้านกว่า 50,000 หลังคาเรือน ติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์และแบตเตอรี่กักเก็บประจุพลังงานของเทสลา เพื่อทำให้บ้านแต่ละหลังกลายเป็นโรงผลิตพลังงานไฟฟ้า
รัฐบาลท้องถิ่นในรัฐเซาท์ออสเตรเลีย ประเทศออสเตรเลีย ได้เปิดเผยแผนที่จะให้บ้านกว่า 50,000 หลังคาเรือนในรัฐ ผลิตกระแสไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ได้ โดยการนำของนายอีลอน มัสก์ ผู้บริหารบริษัทเทสลา ซึ่งจะทำโดยการนำแผงโซลาร์เซลส์และแบตเตอรีของเทสลาไปติดตั้งตามบ้าน เพื่อกระตุ้นการพลังงานสะอาดและประหยัดค่าไฟให้แก่ประชาชน โดยรัฐบาลจะเป็นผู้สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการติดตั้งทั้งหมดให้ ซึ่งแผนดังกล่าวมีขึ้นเพื่อสร้างทางเลือกพลังงานทดแทน หลังจากเมื่อปี 2016 ออสเตรเลียเผชิญวิกฤตพายุถล่มจนทำให้ไฟดับทั้งรัฐมาแล้ว
ด้าน นายเจย์ เวตเธอริลล์ หัวหน้ารัฐบาลรัฐเซาท์ออสเตรเลีย กล่าวว่า ก่อนหน้านี้รัฐบาลสร้างแบตเตอรีไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลกไปแล้ว และตอนนี้จะเดินหน้าสร้างโรงไฟฟ้าเสมือนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ให้ประชาชนผลิตไฟฟ้าและส่งเข้าสู่ระบบสายส่งของรัฐ โดยบ้านที่เข้าร่วมโครงการจะเสียเงินค่าไฟฟ้าน้อยลงเป็นการตอบแทน
เบื้องต้น ทางการเซาท์ออสเตรเลียจะทดลองกับที่อยู่อาศัยในโครงการของรัฐจำนวน 1,100 แห่ง ด้วยการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ที่มีกำลังผลิตไฟฟ้า 5 กิโลวัตต์ พร้อมกับใช้แบตเตอรี่ของเทสลา โดยระยะต่อไปก็จะขยายติดแผงโซลาร์ไปยังบ้านในโครงการรัฐอีก 24,000 แห่ง ก่อนที่จะเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าร่วมได้ในอีก 4 ปีข้างหน้า
ทั้งนี้ บริษัทเทสลาระบุว่า โครงการนี้จะสามารถผลิตไฟฟ้าใช้ได้ 250 เมกะวัตต์ ขณะเดียวกันก็สามารถสำรองไฟไว้ในแบตเตอรีได้ถึง 650 เมกะวัตต์ต่อชั่วโมง โดยโครงการนี้ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลออสเตรเลียเป็นเงิน 2 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือราว 49 ล้านบาท และจากกองทุนเทคโนโลยีพลังงานทดแทนอีก 30 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือราว 748 ล้านบาท
ปัจจุบันรัฐเซาท์ออสเตรเลียได้กลายเป็นหนึ่งในแหล่งพลังงานแบตเตอรี่ที่ใหญ่ที่สุดของ อีลอน มัสก์ และเทสลาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยช่วงเดือนพฤศจิกายนของปี 2017 เทสลาเพิ่งประสบความสำเร็จในการติดตั้งแบตเตอรีลิเทียมไอออนที่เก็บประจุพลังงานทดแทนที่ใหญ่ที่สุดในโลกขนาด 100 เมกะวัตต์ เพื่อจ่ายกระแสไฟฟ้าให้เพียงพอต่อความต้องการของบ้านกว่า 30,000 ครัวเรือน โดยปัจจุบัน พลังงานไฟฟ้ากว่า 60 เปอร์เซนต์ในออสเตรเลียมาจากถ่านหิน ขณะที่อีก 14 เปอร์เซนต์ มาจากพลังงานทดแทน และคาดว่านโยบายนี้จะเอื้อให้ออสเตรเลียลดการพึ่งพาโรงไฟฟ้าถ่านหินในอนาคตได้อย่างมหาศาล