พรรคพลังสังคม ซึ่งเป็นพรรคการเมืองน้องใหม่ เดินหน้าชูนโยบาย “โฉนดใบเดียว” แก้ปัญหาที่ดินทำกิน หวังมัดใจคนรากหญ้าในการสู้ศึกเลือกตั้ง
พรรคพลังสังคม ซึ่งเป็นพรรคการเมืองน้องใหม่ ที่มีอดีตข้าราชการระดับอธิบดีและรองอธิบดีกรมป่าไม้ ร่วมกันจัดตั้งถึง 3 คน คือ
- นายผ่อง เล่งอี้
- นายสมชัย เพียรสถาพร
- นายวิฑูรย์ ชลายนนาวิน
ได้จัดพิธีทำบุญเลี้ยงพระขึ้นภายในพรรค เพื่อความเป็นสิริมงคล โดยมีกรรมการบริหารพรรคและสมาชิกพรรค เข้าร่วมอย่างพร้อมเพียง
นายวิฑูรย์ ชลายนนาวิน ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังสังคม เปิดเผยว่า ทางพรรคมีนโยบายสำคัญในการแก้ปัญหาที่ดินทำกินของประชาชน อาทิ การออกโฉนดใบเดียว โดยให้โฉนดกับประชาชนแต่ละหมู่บ้านทั่วประเทศ เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่า พื้นที่ภาคเหนือประมาณ 4 แสนครัวเรือน ภาคตะวันออกประมาณ 3 แสนครัวเรือน ภาคใต้ประมาณ 2 แสนครัวเรือน อาศัยอยู่ในพื้นที่โดยไม่มีโฉนดที่ดิน และ ไม่รู้ว่าจะได้ครอบครองที่ดินอย่างไร หรือ บางครัวเรือนมีโฉนด สปก 4-01 แต่ไม่สามารถนำมาแปลงเป็นทรัพย์สินได้ และ ไม่สามารถรู้ได้เลยว่า จะได้กรรมสิทธิ์ครอบครองที่ดินเมื่อไหร่ อีกทั้งที่ผ่านมาก็ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาดูแลเรื่องดังกล่าวอย่างจริงจรัง ฉะนั้นตัวเขาในฐานะหัวหน้าพรรคพลังสังคม ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของศาลในการวิเคราะห์ภาพถ่ายแผนที่ทางอากาศ รวมทั้งอดีตอธิบดีกรมป่าไม้อีก 2 คน ได้เข้ามาช่วยหาทางออกในเรื่องดังกล่าว
นายวิฑูรย์ เปิดเผยอีกว่า เมื่อปี 2542 คณะรัฐมนตรีได้มีมติจะให้ที่ดินทำกินแก่ประชาชนทุกภาค แต่ก็ทำได้แบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ ถึงแม้จะมีการลงพื้นที่สำรวจ ทำรางวัดจริง แต่ไม่สามารถทำให้เกิดผลเป็นรูปธรรมได้ และ ไม่มีการออกเอกสารสิทธิ์ใดให้ประชาชน ฉะนั้นพรรคพลังสังคมจะอาสาเข้าไปดำเนินการในเรื่องดังกล่าวให้มีผลเป็นรูปธรรม โดยใช้หลักการทำเอกสารสิทธิ์แต่ละหมู่บ้านมีเอกสารการครอบครองสิทธิ์อย่างถูกต้อง ซึ่งจะวิเคราะห์จากแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศมาพิจารณาการออกเอกสารสิทธิ์ โดยมีหลักพิจารณา
1.มีการทำประโยชน์ก่อนประมวลกฎหมายที่ดินบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2597 ก็จะสามารถพิจารณาออกโฉนดที่ดินให้ได้
2.ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีปี 2504 จะทำให้คนที่อยู่ในพื้นที่เขตป่าถาวรก็จะสามารถยื่นเรื่องขอเอกสารสิทธิ์ครอบครองที่ดินได้
และสุดท้าย เพื่อป้องกันไม่ให้นำโฉนด น.ส.3 ที่ออกโดนกรมที่ดินไปขายต่อให้กลุ่มนายทุน โดยจะทางพรรคจะจัดตั้งกองทุนขึ้นมาสำหรับรับซื้อและรับจำนำที่ดินดังกล่าว ประกอบกับจะมีการจัดตั้งสหกรณ์ เพื่อดูแลเรื่องที่ดินโดยเฉพาะอีกด้วย
โดยเชื่อว่า นโยบายการออกโฉนดที่ดินใบเดียว จะเป็นการช่วยเหลือประชาชนระดับรากหญ้าให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกล ที่รัฐไม่สามารถเข้าไปดูแลได้ทั่วถึง ซึ่งจะช่วยยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ให้ทัดเทียมกับชนชั้นระดับบน