รายการ Talking Thailand ประจำวันที่ 19มีนาคม 2563
“ประยุทธ์”ช้าไปแล้ว! “คำผกา” ชี้ ตอนนี้ควรเป็นช่วงที่รัฐบาลแก้ไขสถานการณ์ เลยจุดที่จะ “ระดมสมอง” รับมือโควิดแล้ว แต่ควรจะระดมสมองมาตั้งแต่ปลายมกราแถมบอก “ดูแลด้วยตัวเอง” แต่กลับไม่มีผลงานให้ประชาชนจับต้องได้ “อ.วิโรจน์” ชี้ ไร้ความคาดหวัง แถม WHO ให้คำแนะนำมาตั้งนานแล้ว
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะประธานศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)แถลงผลการประชุมในโอกาสมอบโนบายศูนย์ฯ ว่าได้หารือร่วมกันทั้งฝ่ายรัฐบาล บุคลากรทางการแพทย์ อดีตผู้บริหารกระทรวงสาธารรสุข รวมไปถึงแพทย์จากภาคเอกชนส่วนตัวต้องการให้ความเชื่อมั่นและได้รับฟังความเชื่อมั่นจากทั้งสองฝ่ายถือว่ารับได้จะนำไปสู่การปฏิบัติที่ต้องทำได้จริงในระยะต่อไป ซึ่งในกระบวนการแก้ปัญหาต้องเป็นไปตามขั้นตอน เป็นไปตามกฎหมายและสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น วันนี้แม้จะพบผู้ติดเชื้อมากขึ้น แต่ก็ต้องชื่นชม ระบบคัดกรองการติดตามที่สามารถติดตามได้มากขึ้น เรามองตรงนี้ สิ่งสำคัญที่สุดต้อง ทราบว่าที่หาเจอนั้นมาจากไหน เริ่มการแพร่ระบาดจากตรงไหน เช่น สนามมวย หรือจะเป็นบาร์ ผับ เหล่านี้ คือสิ่งที่เรากำลังดำเนินการต่อเนื่อง
“ผมยืนยันว่าทุกพื้นที่ที่มีความเสี่ยงที่มีการติดโรค ไม่ว่าจะเป็นคอนเสิร์ตที่แสดงมาแล้วและเป็นข่าว ทุกคนจะต้องได้รับการตรวจสอบคัดกรองทั้งสิ้น ต้องติดตามตัวให้ครบ และอย่างที่ได้บอกแล้วว่ารัฐบาลห้ามจัดคอนเสิร์ตในช่วงนี้ ฉะนั้น ขอความร่วมมือด้วย สิ่งสำคัญที่สุดวันนี้รัฐบาลได้ประกาศมาตรการไปแล้ว 6 มาตรการ ซึ่งเป็นการให้อำนาจกับฝ่ายปกครอง กระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้ว่าฯกทม. ซึ่งสามารถกำหนดมาตรการเพิ่มเติมจากกรอบใหญ่ที่ให้ไป เช่น การปิดสถานที่ต่างๆ วันนี้ให้ไปในเฉพาะกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ถ้าจะปิดในต่างจังหวัดก็ได้ ถ้าเป็นสถานที่ที่เข้าข่ายที่มีความเสี่ยง ผับต่างๆ ซึ่งตอนนี้ทราบว่าจังหวัดที่มีข่าวเรื่องผับใหญ่ก็ปิดไปแล้วก็มีอำนาจในการปิดตรงนี้ การปิด 14 วัน เมื่อจะเปิดใหม่ต้องไปสอบตรวจว่ามีความปลอดภัย ความพร้อมเพียงพอหรือไม่ ถ้ายังไม่สามารถขยายอีกได้นั้นคืออำนาจที่ตนได้ให้กับพื้นที่ไปแล้ว” นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวต่อว่า ฉะนั้น 14 วันนี้ อยากให้ข้าราชการระดับพื้นที่ โดยเฉพาะผู้ว่าฯ คณะกรรมการโรคติดต่อประจำจังหวัดประจำพื้นที่ต้องทำงานอย่างเด็ดขาด ต้องรายงานผลการปฎิบัติทุกมาตรการแล้วรายงานให้ทราบทุกวัน ผ่านช่องทางของกระทรวงมหาดไทย เข้ามาที่ศูนย์ฯโควิด-19 ซึ่งตนติดตามทุกวัน ตั้งแต่สนามบินต้นทาง สนามบินในประเทศ มาสู่เรื่องคัดกรอง คัดแยก และปรับมาตรการเพิ่มขึ้น
วันนี้กำลังสกัดกั้นการนำเชื้อเข้ามาในประเทศ ถึงบอกว่าการเข้ามาต้องมีใบ-รับรองแพทย์ ประกันสุขภาพ โดยทุกคนที่เข้าประเทศไทยต้องมี เดิมมีเฉพาะ 4 ประเทศกับ 2 เขตปกครองพิเศษ แต่ทุกวันนี้ทุกประเทศที่เข้ามา สกัดกั้นการเข้ามาให้เหลือน้อยที่สุด เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดได้ และติดตามด้วยแอพพลิเคชัน
เมื่อถามว่าเพื่อนบ้านประเทศไทยเริ่มประกาศปิดพรมแดน ในส่วนของไทยจะมีมาตรการดังกล่าวเพิ่มหรือไม่ / นายกฯ ตอบว่า ทำไมต้องแปลไทยเป็นไทยด้วย เมื่อกี้ ได้พูดไปแล้วว่าต่างประเทศที่จะเข้ามาต้องมีใบรับรองแพทย์ ส่วนรอบบ้านเราก็มีความเกี่ยวกับผู้ว่าฯ จะปิดช่องทางพรมแดนหรือไม่อยู่ที่อำนาจผู้ว่าฯ เพราะได้ให้อำนาจไปแล้ว และให้รายงานตนมา เมื่อถามว่าหากเป็นคำสั่งหรือมติจากรัฐบาลจะเข้มแข็งและน่าเชื่อถือมากกว่าหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า หากผู้ว่าฯทำไม่ได้ก็ย้ายผู้ว่าฯ จะยากตรงไหน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการประชุมครั้งนี้ใช้เวลา 2 ชั่วโมง โดยได้เชิญบุคลากรการ แพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบาดที่เกษียณอายุราชการแล้วมาให้คำแนะนำ อาทิ ศ.เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร อดีต รมว.สธ /นพ.อุดม คชินทร อดีตคณบดี คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล เนื่องจากเคยทำงานในช่วงที่ประเทศไทยเคยมีโรคระบาด เช่น ไข้หวัดนก โดยรัฐบาลได้ขอความร่วมมือให้มาเป็นที่ปรึกษาในการช่วยแก้วิกฤตโรคระบาดโควิด-19
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังถามถึงกรณีตำรวจติดตามรัฐมนตรีกระทรวงการคลังมีข้อกังวลอะไรหรือไม่ นายกฯ ปฎิเสธตอบคำถาม แต่ขอให้สื่อช่วยเผยแพร่ข้อมูลสถานการณ์โควิด-19 ตามที่รัฐบาลได้แถลงในแต่ละวันด้วย
ด้านนายอนุทิน กล่าวว่า การประชุม ครม. ได้สังเกตอาการ ครม.ทุกคนอยู่แล้ว และมีการคัดกรองทุกคน ก่อนเข้าร่วมประชุม ขณะนี้เห็นว่ายังไม่จำเป็นให้ประชุมครม.ผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์จากที่บ้าน