รายการ Talking Thailand ประจำวันที่ 13 พฤษภาคม 2563
“ประยุทธ์” ไม่น่าถามชาวบ้านเลยว่า “อยู่มา 5-6 ปี ไม่รู้หรือว่าผมเป็นคนอย่างไร” แต่ควรถามว่ามีผลงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แถมลีลาเดี่ยวไมโครโฟน เข้าข่าย “ปันทุกข์” เล่าสารพัดปัญหาในรัฐบาลให้ชาวบ้านฟัง และสั่งสอนประชาชนไปเรื่อย
ที่ฮาสุด คือ แนวคิดติดกล้อง เฝ้า “ตู้ปันสุข” ที่ “คำผกา” แนะควรติดกล้องวงจรปิดให้ประชาชนตรวจสอบสารพัด พ.ร.ก.ของรัฐบาล ซึ่งก็คือ ให้อำนาจสภาตรวจสอบ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมศูนย์ช่วยเหลือผู้ถูกกระทบจากการระบาดของโควิด-19 โดยติดตามการบริหารจัดการของโรงทานตามพระดำริสมเด็จพระสังฆราชฯ ณ วัดระฆังโฆสิตาราม เขตบางกอกน้อย
โดยการบริหารจัดการโรงทานวัดระฆังฯ ทำอย่างเป็นระบบ เป็นต้นแบบให้วัดอื่นที่มีการจัดตั้งโรงทานฯ ให้เป็นไปตามมาตรฐานการป้องกันโรคของกระทรวงสาธารณสุข
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวกับประชาชนที่มารอรับบริจาคว่า นายกฯและรัฐบาลพยายามทำทุกอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้ประชาชนมีความเสี่ยงการติดเชื้อ ขณะนี้ก็ได้แก้ปัญหามาเป็นระยะ และกล่าวยืนยันอีกว่า “ถ้าเราทำตามมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด โดยเฉพาะการเว้นระยะห่างก็ไม่ต้องห่วง / ถ้าไม่ติดก็ไม่ตาย” พร้อมอวยพรว่า ให้ทุกคนอายุยืน มีสุขภาพใจและกายที่แข็งแรง
ช่วงหนึ่ง มีชาวบ้านจะขอจับมือ พล.อ.ประยุทธ์ แต่พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ให้จับ โดยกล่าวว่า มาเพื่อให้กำลังใจทุกคน แต่ที่ไม่ได้จับมือกับทุกคนก็เพราะต้องทำตามที่สาธารณสุขบอกไว้ “ไม่ได้รังเกียจใคร ฉันรักทุกคน รังเกียจประชาชนไม่ได้อยู่แล้ว วันนี้รัฐบาลพิจารณาเพื่อเตรียมการผ่อนปรนมาตรการ รู้ดีว่าทุกคนเดือดร้อน แต่เนื่องจากโควิด-19 สามารถอยู่ในตัวคนได้ แต่บางคนไม่แสดงอาการและอาจฟื้นกลับขึ้นมาใหม่ได้ / อย่างไรก็ตาม ถ้าเราพร้อมใจ และร่วมมือป้องกันก็ไม่มีปัญหา
รัฐบาลก็เตรียมที่จะทยอยเปิดกิจการเพื่อให้ทำมาหากินได้ เป็นระยะๆไป รู้ดีว่าทุกคนลำบาก บางคนก็เดือดร้อนแต่ยืนยันว่าเราพยายามอย่างเต็มที่ อยู่มา 5-6 ปีไม่รู้จักผมหรือว่าเป็นคนอย่างไร ต้องการทำให้ทุกคนมีความสุขทำให้ประเทศดีขึ้น ไม่ใช่นายกฯคนเดียว ทุกอย่างอยู่ที่พวกเราทุกคน อะไรที่มีการพูดจาไม่จริง ผมไม่ไปเถียงหรือโต้ตอบ ความสุขของนายกฯคือการมาทำงานให้กับทุกคน”
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การแจ้งข้อมูลต่างๆเพื่อรับการเยียวยาก็ขอให้ตรงกับความเป็นจริง เป็นครั้งแรกที่รัฐบาลสามารถจ่ายเงินให้ได้ตรงกับทุกคนประมาณ 30 กว่าล้านคน ไม่เคยมีรัฐบาลไหนทำได้ ขอให้เชื่อมั่น หลายอย่างต้องพัฒนาต่อไปในโลกยุคใหม่ หรือนิว นอร์มอล หรือชีวิตวิถีใหม่ คือเป็นความปกติแบบใหม่ อยู่กันแบบปกติ ที่ต้องระมัดระวังสุขภาพ ดูแลตัวเอง ดูแลคนอื่น แบ่งปันคนอื่น ใช้โซเชียล ใช้ดิจิทัลในการดำเนินชีวิต เช่น การรับบริการต่างๆอะไรที่ดีเราต้องรักษาไว้ แต่อะไรที่ใหม่ได้ประโยชน์ก็ทำต่อไป เพราะถ้ามัวแต่คิดแบบเดิม ไม่ทำอะไรใหม่ก็คงไปไม่ได้ในโลกยุคใหม่ เพราะการให้บริการก็เป็นระบบออนไลน์แล้วเกือบทั้งสิ้น เราต้องรู้จักการลงทะเบียน การส่งข้อมูลทุกอย่างก็จะเร็วขึ้น ทั้งนี้ ต้องยอมรับถ้าข้อมูลผิด การจัดสรรก็อาจจะต้องละเอียดและรอบคอบ ทำให้เกิดความล่าช้าบ้าง
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้สอบถามความเป็นอยู่ การประกอบอาชีพของชาวบ้าน ก่อนให้กำลังใจ พร้อมกล่าวว่า เห็นใจทุกคนในช่วงนี้ วัดและพระจึงเป็นที่พึ่ง
นายกฯ ยังกล่าวถึงกรณีตู้ปันสุข ว่า เรื่องที่น่าภูมิใจวันนี้ คือ มีคนมาร่วมกันทำเพื่อสาธารณะ ผ่านตู้ปันสุข ตู้แบ่งปัน ถ้าทุกคนรู้จักระเบียบ กติกาของสังคม คนที่ให้ก็จะมีกำลังใจมาบริจาคเพิ่ม แต่บางคนก็เกินไป ไม่สวยงาม เอาของไปเยอะแยะ คนอื่นก็ไม่ได้แบ่งปัน ขอให้เอาเท่าที่จำเป็น พรุ่งนี้ก็ไปรับใหม่ได้ ถ้าทุกคนได้เห็นก็อยากบริจาคเฉลี่ยกันไป เขาถึงได้เรียกว่าตู้แบ่งปัน ถ้าเอาไปคนเดียวแบบนี้เป็นการเห็นแก่ตัว ไม่ใช่การแบ่งปัน อย่ามาอ้างอย่างนั้นอย่างนี้ไม่ได้ ต้องเห็นใจซึ่งกันและกัน นายกฯก็คิดทุกวันว่าจะทำอะไรให้กับประชาชนโดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยมีอยู่ตำนวนมาก ก็ขอให้ช่วยกันปรับตัวเอง