บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวหน้าของไทย มีผลประกอบการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในปีนี้รัฐบาลจีนจะประกาศเข้มงวดมากขึ้นกับการควบคุมไม่ให้นักลงทุนจีนนำเงินออกนอกประเทศไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศมากเกินไป คาดปีหน้ารายได้แตะมูลค่า 4,600 ล้านบาท
เมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา รัฐบาลจีนประกาศใช้มาตรการจำกัดบุคคลและนิติบุคคลที่จะนำเงินไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นคอนโด โรงแรม หรือพื้นที่อุตสาหกรรม ธุรกิจประเภทกีฬาและบันเทิง รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการพนันและอุตสาหกรรมบริการทางเพศ เป็นการแตะเบรกไม่ให้นักลงทุนไปลงทุนในต่างประเทศมากจนเกินไป โดยให้เหตุผลว่า แม้จะถือเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ที่บริษัทจีนจะไปลงทุนในต่างประเทศ แต่บริษัทเหล่านี้ก็จะต้องประสบกับความเสี่ยงและความท้าทายมากมาย และจะมีหนี้มากเกินไป
อย่างไรก็ตามบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวหน้าของไทย ซึ่งหากพิจารณาปัจจัยเรื่องยอดขายก็จะทำให้แสนสิริคือผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดของไทย และประเทศจีนเองก็กลายมาเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของแสนสิริตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ทางการจีนนั้นประกาศใช้มาตรการจำกัดไม่ให้บริษัทจีนนำเงินไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศมากเกินไป
นายโคบีย์ เลทเธอร์ ผู้บริหารระดับสูงฝ่ายธุรกิจต่างประเทศระบุว่า ตั้งแต่มีการประกาศเพิ่มมาตรการดังกล่าวของจีน ทางแสนสิริยังไม่ได้รับการขอยกเลิกสัญญาซื้อขายจากนักลงทุนจีนแต่อย่างใด ทำให้ประมาณการณ์รายได้ของแสนสิริโตตามเป้าอย่างต่อเนื่อง และมีทีท่าว่าจะพุ่งแตะตัวเลข 3,518 ล้านในปีนี้ และจะโตมากขึ้นอีก 32% ในปี 2018 แตะที่ตัวเลข 4,646 ล้านบาท
นอกจากนี้ สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดภายหลังการออกมาตรการที่เข้มงวดขึ้นด้านการลงทุนของทางการจีนก็คือ นักลงทุนจีนจำนวนมากหันมาซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่ราคาไม่แพงมากในประเทศแทน โดยนายนายโคบีย์ เลทเธอร์ ผู้บริหารระดับสูงฝ่ายธุรกิจต่างประเทศระบุว่า ส่วนใหญ่แล้วนักลงทุนจีนที่เข้ามาซื้อบ้านกับโครงการต่างๆ ของแสนสิริ จะเป็นการเข้าซื้อบ้านที่มีราคาประมาณ 5-10 ล้านบาท โดยเมื่อเทียบกับราคาของบ้านขนาดเดียวกันในเมืองใหญ่ของจีนแล้วจะพบว่าถูกว่าราว 1 ใน 3 หรือครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว
ขณะนี้บริษัท แสนสิริ กำลังสร้างสำนักงานใหญ่แห่งใหม่เพิ่มอีก 3 แห่งในเมืองเซี่ยงไฮ้ กวางโจว และเสิ่นเจิ้น เพื่อขยายธุรกิจในจีนอย่างจริงจังมากขึ้นกว่าเดิม โดยผู้บริหารของแสนสิริกล่าวว่า หากไม่มีเรื่องของการออกกฎควบคุมนักลงทุนมาเกี่ยวข้อง การบุกตลาดจีนจะมีความเข้มข้นกว่านี้มาก