ผู้บริหารมาเลเซียแอร์ไลน์ ยอมรับหลังปลดพนักงาน เพราะเกิดภาวะล้มละลายทางเทคนิค ยืนยันเกิดจากปัญหาทางการเงินที่สะสมมานาน ก่อนที่จะเกิดโศกนาฏกรรม MH370 และ MH 17
นายคริสตอฟ มึลเลอร์ ซีอีโอคนใหม่ชาวเยอรมัน ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ ให้สัมภาษณ์สื่อที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ยอมรับว่า สถานการณ์ของบริษัทตอนนี้ถือว่าล้มละลายในทางเทคนิค โดยฐานะการเงินของบริษัทอยู่ในขั้นวิกฤตมานานแล้ว ก่อนเกิดเหตุการณ์ MH370 และ MH17 เพราะบริษัทมีผลการดำเนินงานขาดทุนทุกปีตั้งแต่ปี 2011 และผลการดำเนินงาน 3 ไตรมาสของปี 2014 ขาดทุนถึง 1 พัน 3 ร้อยล้านริงกิต เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่ขาดทุน 827 ล้านริงกิต
เมื่อเปรียบเทียบกับสายการบินอื่นที่มีฐานการบินในกรุงกัวลาลัมเปอร์ พบว่าแอร์เอเชียมีการเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่คู่แข่งโดยตรงอย่างสิงคโปร์แอร์ไลน์ และกัลฟ์แอร์ของบาห์เรน ที่เน้นลูกค้ากลุ่มพรีเมียม ก็เป็นคู่แข่งที่น่ากลัว ทำให้ต้องเร่งปรับโครงสร้างของบริษัท เริ่มจากการลดพนักงาน 6,000 ตำแหน่ง จากทั้งหมด 20,000 คน เหลือ 14,000 คน รวมถึงขายเครื่องบินเจ็ท A380 ซุปเปอร์จัมโบ้ที่มีอยู่ 2 คันออกไป รวมถึงหยุดทำการบินในเที่ยวบินระหว่างประเทศที่ไม่ทำกำไร เพื่อลดต้นทุนให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 20
โดยสายการบินยังคงได้รับเงินสนับสนุนจากกองทุนของรัฐบาลมาเลเซีย ที่อนุญาตให้มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรเพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้ โดยบริษัทจะเริ่มเปลี่ยนโฉมใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนนี้ ด้วยภาพลักษณ์และเครื่องแบบใหม่ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายแรกคือ แผนห้ามเลือด หรือหยุดยั้งการขาดทุนในปีนี้ เชื่อบริษัทจะกลับมามีกำไรอีกครั้งในปี 2017 ส่วนแผนการลดเส้นทางระยะไกลที่ไม่มีกำไรนั้น ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้ เพราะเป็นเรื่องของการแข่งขันทางธุรกิจ อย่างไรก็ตามยังคงรูปแบบการให้บริการแบบฟูลเซอร์วิสไว้เช่นเดิม