วันที่ 9 ก.พ. ที่ บ้านเลขที่ 333 ถนนราชวิถี สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า จัดพิธีทำบุญพระสงฆ์ 10 รูป ถวายจตุปัจจัยไทยธรรม และถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุสงฆ์ เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิดครบ 69 ปี วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567 โดยนิมนต์ สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี หรือ เจ้าประคุณสมเด็จธงชัย ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร มาประกอบพิธีทางศาสนา เพื่อความเป็นศิริมงคล โดยมีบุคคลในครอบครัวลิปตพัลลภ และสมาชิกพรรคชาติพัฒนากล้า เข้าร่วมในพิธีด้วย

จากนั้น เมื่อเสร็จสิ้นพิธีทำบุญ มีรายงานว่า สมาชิกพรรคร่วมรัฐบาล พรรคฝ่ายค้าน และตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆ ได้เดินทางมาร่วมอวยพรวันเกิด พร้อมมอบกระเช้าและช่อดอกไม้ อาทิ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี พลเอก กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ นายทะเบียนพรรคพลังประชารัฐ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ วิษณุ เครืองาม กรรมการกฤษฎีกา สนั่น อังอุบลกุล ประธานคณะกรรมการหอการค้าไทย และ พลเอกเลิศรัตน์ รัตนวานิช สมาชิกวุฒิสภา เป็นต้น 

โดย นายกรัฐมนตรี อวยพร “ขอให้ ท่านสุวัจน์ สุขภาพร่างกายแข็งแรง เป็นเสาหลักของการเมืองไทยไปอีกนานๆ ถือว่าเราเป็นเจเนอเรชั่นเดียวกัน แต่ท่านอายุเยอะกว่า” 

ด้าน สุวัจน์ ได้มอบเหรียญหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ 91 ปี รุ่น ฎีจริงจริง วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา ก่อนจะพูดว่า “ขอให้นายกรัฐมนตรี แก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจให้ได้ เป็นนายกรัฐมนตรีที่ดีจริงๆ”

จากนั้น สุวัจน์ ได้เชิญ นายกรัฐมนตรี ร่วมโต๊ะรับประทานอาหารว่าง และไอศกรีมแมวสวาท สัญลักษณ์ของ จ.นครราชสีมา ก่อนนายกรัฐมนตรี จะขอตัวลา เพื่อไปปฏิบัติภารกิจที่ จ.สระบุรี และลพบุรี ต่อไป

'สุวัจน์' ให้กำลังใจ 'เศรษฐา'

สุวัจน์ กล่าวภายหลังรับประธานอาหารร่วมในงานวันคล้ายวันเกิดครบ 69ปี ว่า ตนเองรู้สึกยินดี และขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมอวยพร ทั้งนี้ ได้เตรียมพระหลวงพ่อคูณ รุ่น “ฎีจริงจริง” เพื่อมอบเป็นที่ระลึกในวันนี้ และในโอกาสวันคล้ายวันเกิดปีนี้ อยากให้เป็นปีที่ประเทศชาติดีขึ้นจริงๆ รัฐบาลประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เพื่อให้ประชาชนมีความสุข 

นอกจากนี้ ได้พูดคุยกับ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เกี่ยวกับประเด็นทางเศรษฐกิจ ที่ประชาชนให้ความสำคัญ จึงพูดคุยแลกเปลี่ยนกันในเรื่องต่างๆ โดย นายกรัฐมนตรี ได้พูดถึงเรื่องของการลงทุน รวมถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยว การสร้างพลังพาวเวอร์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งตนเองก็ได้ให้กำลังใจให้รัฐบาลประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งตนเองในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล พร้อมจะสนับสนุน สิ่งใดที่เป็นประโยชน์ก็จะนำมาช่วยเหลือรัฐบาล เพื่อนำไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนต่อไป

ในส่วนของโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ดิจิทัลวอลเล็ตนั้น ตนเองมองเป็น 2 ส่วน คือ ความจำเป็นและความถูกต้อง หากมองในเรื่องของความจำเป็นช่วงก่อนการเลือกตั้งทุกพรรคการเมืองคนหยิบยกประเด็นเศรษฐกิจขึ้นมาเป็นนโยบาย โครงการดิจิทัลวอเล็ต ก็ถือเป็นหนึ่งนโยบายที่นำเสนอต่อประชาชน และเมื่อเป็นรัฐบาลก็ต้องทำตามที่รับปากไว้ เพราะตอนนี้ยอมรับว่าการลงทุน การส่งออก ยังไม่ดีขึ้น GDP ก็ยังถดถอยอยู่ ดังนั้นภาพรวมในการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้อยู่รอด ทั้งนี้ ความเห็นต่างทางความคิดเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ แต่รัฐบาลต้องกล้าคิด กล้าตัดสินใจ และกล้ารับผิดชอบ 

สุวัจน์ ย้ำว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตเป็นเครื่องมือที่จะเข้าไปกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะเดียวกัน ต้องมองในมุมของกฎหมาย เนื่องจากมีข้อท้วงติงจากหลายหน่วยงาน รัฐบาลจึงต้องดูในมิติของกฎหมายด้วย โดยเฉพาะข้อทักท้วงจากหน่วยงาน หรือองค์กรอิสระควบคู่ไปด้วย