ไม่พบผลการค้นหา
เอกชนห่วงการเมืองไม่นิ่ง กระทบเศรษฐกิจและการลงทุน ขอทุกฝ่ายรอความชัดเจนหลังผ่านพระราชพิธีสำคัญ มองครึ่งปีหลังการเมืองยังเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. ว่า ขณะนี้ภาคเอกชนยังมีความกังวล และเป็นห่วงต่อสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่นิ่งภายหลังการเลือกตั้งที่เกิดขึ้น ทั้งที่ยังไม่มีการประกาศรับรอง ส.ส.อย่างชัดเจน จะส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจปีนี้ โดยขอให้ทุกฝ่ายหยุดสร้างประเด็นต่างๆ เพราะจะมีแต่ปัญหาที่ไม่สบายใจกัน และขอให้รอความชัดเจนที่จะเกิดภายหลังเสร็จพระราชพิธีสำคัญไปก่อน ซึ่งหากคิดว่ามีประเด็นเรื่องความไม่โปร่งใส ทุจริต ก็สามารถร้องเรียนได้ตามกระบวนการอยู่แล้ว แต่ก็ยังมองว่าการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ควรแล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคมหลัง กกต.ประกาศรับรอง

โดย กกร.ได้มีการปรับเป้าเศรษฐกิจไทยปีนี้ เหลือเพียงร้อยละ 3.7 ถึง 4.0 จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 4.0 ถึง 4.3 ขณะที่การส่งออกปรับลดลงเช่นกันเหลือร้อยละ 3 ถึง 5 จากเดิมที่ร้อยละ 5 ถึง 7 ซึ่งเป็นผลจากมาจากปัจจัยเรื่องสงการค้าระหว่างประเทศเป็นหลัก แต่หากมีความรุนแรงทางการเมืองเกิดขึ้น กกร.เตรียมปรับประมาณการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้อีกครั้ง เนื่องจากมองว่าปัจจัยเสี่ยงในช่วงครึ่งปีหลังยังคงมีประเด็นทางการเมืองที่อาจจะมีผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจไทย โดยภาคเอกชนยังคงเป็นห่วงนโยบายประชานิยมเกินเหตุที่จะส่งผลเสียต่อสถานะทางการคลังของประเทศ

นายสุพันธุ์ ยังกล่าวว่า สถานการณ์ปัญหาหมอกควันทางภาคเหนือที่ยังวิกฤต ภาคเอกชนประเมินว่าปัญหาดังกล่าวแม้จะส่งผลกระทบระยะสั้นเท่านั้น แต่ก็มีผลต่อการท่องเที่ยวและการลงทุนเช่นกัน ซึ่งขณะนี้เครื่องยนต์การขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยปีนี้เหลือเพียงตัวเดียว คือ การท่องเที่ยวจึงขอให้เร่งแก้ปัญหา หลังการส่งออกยังเผชิญปัญหาเศรษฐกิจโลก และการขับเคลื่อนการลงทุนภาครัฐยังต้องรอรัฐบาลใหม่ 

ด้านนายกลินท์ สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ระบุว่า กลุ่มหอการค้าในภาคเหนือ กังวลกับสถานการณ์หมอกควันที่เกิดขึ้นเพราะหากยังไม่สามารถคลี่คลายได้ก็จะมีผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวโดยตรง ซึ่งล่าสุดจำนวนนักท่องเที่ยวเริ่มปรับลดลง จึงอยากให้รัฐบาลรีบหาสาเหตุของการเกิดฝุ่นพิษไม่ว่าจะมาจาก เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าวที่ต้นเหตุ