วันที่ 1 มิ.ย. 2565 ที่รัฐสภา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ให้สัมภาษณ์ ‘วอยซ์’ ถึงทิศทางของพรรคเสรีรวมไทยในการประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ในวาระที่ 1 โดยยืนยันว่า จะคว่ำร่างงบฯ ฉบับนี้แน่นอน ตามที่ได้ประกาศมาตั้งแต่ต้น เพราะจากการศึกษางบต่างๆ จะพบว่าไม่ได้ลงมาสู่พี่น้องประชาชนเลย
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ตั้งข้อสังเกตถึงงบประมาณของกระทรวงกลาโหม นับตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เข้าสู่อำนาจ โดยในปี 2565 นี้ กระทรวงกลาโหมได้รับงบประมาณถึง 2.2 แสนล้านบาท เมื่อลองเทียบกับกระทรวงที่ดูแลปัจจัย 4 ของประชาชน อย่างกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จะเห็นว่าแตกต่างกันอย่างมาก
"จะมาบอกว่าป้องกันประเทศ ในเมื่อพี่น้องประชาชนยังยากจน ถ้าเป็นบ้านของเรา ถ้าเรายากจนยังจะต้องมีรั้วอีกหรือ เอาเงินสร้างรั้วมาสร้างบ้านไม่ดีกว่าหรือ ไอ้นี่จะสร้างแต่รั้ว แล้วคนในบ้านขาดคุณภาพ จะไปได้หรือ กลับกันถ้าเอา 6,000 ล้านบาท ไปเป็นงบทหาร เอา 2.2 แสนล้านมาให้พี่น้องประชาชน คนจะมีความสุขมากเลย"
เมื่อถามถึงความมั่นใจว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านจะสามารถคว่ำร่างงบฯ ปีนี้ในวาระแรกได้หรือไม่นั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ มองว่า อาจจะเป็นไปได้หรือไม่ได้ ลำพังพรรคฝ่ายค้านเดิมคงไม่สำเร็จ แต่คราวนี้มีพรรคเศรษฐกิจไทย ซึ่งมีกลุ่ม ส.ส. ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา รักษาการเลขาธิการพรรคเศรษฐกิจไทย ที่ให้สัมภาษณ์ว่ายังมี ส.ส. ในซุ้มของตนอยู่ในพรรคพลังประชารัฐอีก ราวเป็นประมาณ 40 คน หากมาช่วยลงให้ฝ่ายค้าน ก็มีโอกาสคว่ำได้ ขึ้นอยู่กับการเจรจา
“มันเป็นเรื่องน่าปวดหัว เรื่องคุย เรื่องเจรจา บางทีต้องใช้กล้วยเยอะ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่เลว เลวมากๆ แทนที่จะลงหรือไม่ลง ยกไม่ยก ด้วยจิตสำนึกความรับผิดชอบ ด้วยเหตุด้วยผล กลายเป็นต้องใช้กล้วยกัน ก็เลยติด พอไปดำรงตำแหน่งบริหาร จะแต่งตั้งข้าราชการระดับสูงก็เอากล้วยเป็นหลัก ข้าราชการก็มารีดไถพี่น้องประชาชนอีก เสียจริงๆ เสียตั้งแต่ตรงนี้ ก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น ไม่รู้จะทำอย่างไร ไม่มีอำนาจ ผมก็เสียงเดียว พรรคผมก็ 10 เสียง ลำบากนะ” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้ร่างงบฯ ฉบับนี้ จะผ่านชั้นรับหลักการไปสู่ชั้นกรรมาธิการฯ ยืนยันว่าจะส่งสมาชิกพรรคเสรีรวมไทย 1 คน ไปเป็นโควตาในกรรมธิการ แต่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เห็นว่า หากผ่านวาระแรกได้ วาระ 2 หรือ 3 ย่อมผ่านอยู่แล้ว เนื่องจากฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาลมีเสียงข้างมาก