ไม่พบผลการค้นหา
'เพื่อไทย' รุมถล่ม 'ประยุทธ์' 8 ปี ศก.ไทยเจ๊งไม่หยุด 'พิชัย' เย้ยหลัก 3 แกน เหมือนมาประจานความห่วยตัวเอง ชี้ยิ่งหวงอำนาจ การเมืองยิ่งพัง ย้ำเวลาของ 'ประยุทธ์' หมดลงแล้ว

วันที่ 12 ก.ค. 2565 ที่พรรคเพื่อไทย คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย นำโดย พิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์ ด้านเศรษฐกิจ นพ. กิตติศักดิ์ คณาสวัสดิ์ ส.ส.มหาสารคาม และ อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขาธิการ และ กรรมการคณะยุทธศาสตร์และการเมือง พรรคเพื่อไทย ร่วมกันแถลงข่าว ภายใต้หัวข้อ 'ผลกระทบของการเมืองต่อเศรษฐกิจไทย'


'พิชัย' เย้ยหลัก 3 แกน พูดประจานตัวเอง

พิชัย กล่าวในประเด็น 'ปัญหาการเมืองกระทบเศรษฐกิจไทย และ ปัญหาที่ไทยต้องเผชิญ' โดยย้ำถึงโครงสร้างราคาน้ำมันที่รัฐบาลปล่อยให้บริษัทขึ้นค่าการตลาดพุ่งสูงอย่างมาก โดยวันนี้เพิ่งมาปรับลดราคาดีเซลลง แต่ราคาเบนซินยังสูงอยู่ หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานตั้งใจเอื้อประโยชน์ให้บริษัทน้ำมัน เอาเปรียบประชาชน ได้กำไรจากค่าการกลั่นมโหฬารแล้ว ยังจะมาขูดรีดเอากำไรกับประชาชนอีกหรือ ขณะเดียวกัน ราคาค่าไฟกำลังจะขึ้นเป็น 5 บาทต่อหน่วย ส่อให้เห็นความผิดปกติในระบบการจัดการ โดยอ้างราคานำเข้า LNG ที่สูง ตนขอฝากให้รัฐบาลเร่งแก้

นักเศรษฐศาสตร์พูดเสมอว่า รัฐบาลไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจดีได้ แต่รัฐบาลสามารถทำให้เศรษฐกิจพังได้ รัฐบาลมีหน้าที่ส่งเสริมให้นักลงทุนมีความมั่นใจ ส่งเสริมประชาชนให้จับจ่ายใช้สอย รัฐบาลที่ไร้ความสามารถจะทำให้ผู้คนสูญเสียความเชื่อถือ นำมาสู่การพังของเศรษฐกิจ ดังเช่นที่เกิดขึ้นมาตลอด 8 ปีที่ผ่านมา แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่เข้าใจ

763427.jpg

"อยากให้ประชาชนได้ลงโทษการกระทำแบบนี้ เช่นที่ท่านลงโทษในการเลือกตั้งซ่อมที่ จ.ลำปาง ผมอยากให้เป็นแบบนี้กับการเลือกตั้งทุกเขต เพราะประเทศนี้ไม่สามารถทนกับความล้มเหลวได้อีกแล้ว" พิชัย กล่าว

พิชัย ยังกล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ ออกมาพูดเรื่อง 3 แกน แต่ท่านพูดเหมือนท่านไม่รู้เรื่อง เหมือนกับท่องมาโดยไม่ได้เข้าใจ หลัก 3 แกนที่ท่านพูด เสมือนเป็นการประจานตัวเอง เช่นเรื่องการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน แสดงว่าที่ 8 ปีที่ผ่านมา ไม่เคยได้ปรับปรุงเลยหรือ ถ้าท่านจะมาตอนนี้ซึ่งหนี้สาธารณะพุ่งทะลุแล้ว จะเอาทุนจากไหน ขอให้ดูประเทศศรีลังกาเป็นตัวอย่าง เศรษฐกิจล่มสลาย ประชนชนขับไล่ผู้นำออกจากประเทศ อยากให้เป็นเช่นนั้นหรือ

ขณะที่เรื่องอุตสาหกรรมรถ EV สะท้อนว่าอุตสาหกรรมไทยเสื่อมมานานแล้ว ที่ผ่านมาคือกินบุญเก่า ควรมีอุตสาหกรรม EV มาทดแทนตั้ง 4-5 ปีแล้ว ขณะนี้เทคโนโลยีได้ก้าวหน้าไปไกล เราเตือนมาตั้งนาน แต่ท่านไม่เคยคิด กลับมาพูดเอาตอนนี้โดยที่ไม่รู้เรื่อง เช่นเดียวกับเรื่องเปลี่ยนระบบธนาคารให้มาบริการประชาชนมากขึ้น แต่ท่านจะแก้ปัญหาหนี้ที่พุ่งอย่างมาก จนอาจส่งผลให้เกิดการระเบิดของหนี้ได้อย่างไร ขณะนี้รัฐบาลควรหาทางเพิ่มรายได้ให้ประชาชนเพื่อแก้หนี้ก่อน เช่นการยกระดับกองทุนหมู่บ้านเป็นธนาคารหมู่บ้านที่พรรคเพื่อไทยเคยได้ผลักดันมาแล้ว


ยิ่งรักษาอำนาจ การเมืองยิ่งพัง

นพ. กิตติศักดิ์ กล่าวถึง 'ปัญหาการกระจายอำนาจกระทบเศรษฐกิจ' โดยระบุว่า สาเหตุเบื้องต้นของปัญหาเศรษฐกิจ คือการเมืองที่ย่ำแย่ ส่งผลให้ได้รัฐบาลที่ขาดศักยภาพมาบริหาร พล.อ.ประยุทธ์ ทำทุกอย่างเพื่อรักษาอำนาจ ซึ่งจะนำมาสู่ปัญหาของการเมืองไทยในระยะยาว ดังเช่นรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ที่ให้ ส.ว.มาโหวตเลือกนายกฯ รวมถึงการนำอำนาจรัฐ ตำรวจ ทหาร ข้าราชการ มาแทรกแซงการเลือกตั้ง มีการซื้อเสียงมาก ใช้องค์กรอิสระช่วงชิงความได้เปรียบทางการเมือง

"พรรคที่ได้รับความนิยมสูงสุดจากประชาชนไม่ได้เป็นรัฐบาล พรรคที่แพ้เลือกตั้งสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ทำให้ไม่ได้ยึดนโยบายที่หาเสียงไว้มาทำ เพราะอย่างไรตัวเองก็ได้เป็นรัฐบาล นี่คือความบิดพลิ้ว ไม่ปกติของระบบการเมืองที่พล.อ.ประยุทธ์ มาบริหารประเทศและต้องการสืบทอดอำนาจ"

รัฐบาลนี้ขาดเสถียรภาพ จนต้องมีการแจกกล้วยเพื่อรักษาผลประโยชน์ ขณะที่ด้านการกระจายอำนาจการปกครองท้องถิ่น อันเป็นหัวใจของการพัฒนาประเทศ รัฐบาลนี้กลับไม่มีความเข้าใจ ตลอดระยะเวลาที่บริหารมา องค์กรปกครองท้องถิ่น ขาดการสนับสนุนทางงบประมาณ และไร้ความเป็นอิสระในการตัดสินใจจากรัฐบาล เห็นได้ชัดจากการยื้อการเลือกตั้งท้องถิ่นมาหลายปี ทำให้ประชาชนเสียโอกาส และเสียระบบการเมืองที่ยึดโยงกับประชาชน

นพ. กิตติศักดิ์ ยกตัวอย่าง ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่ทำงานอย่างกระตือรือร้น สื่อสารกับประชาชน ให้สิ่งที่รับปากไว้เกิดสัมฤทธิ์ผล นี่คือสิ่งที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ไม่ใช่แค่ผู้ว่าฯ กทม. แต่ทุกตำแหน่งควรจะมีโอกาส แต่กลับขาดการสนับสนุนจากรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่มาจากการรัฐประหาร ท่านจึงไม่มีวันเข้าใจหลักการกระจายอำนาจเลย ขอแนะนำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ปล่อยการเมืองให้เป็นไปตามธรรมชาติ ให้คนที่มีความสามารถเข้ามาบริหาร เมื่อประชาชนไม่พอใจใคร คราวหน้าก็ไม่เลือกคนนี้ ขอให้คำนึงถึงประโยชน์ของบ้านเมืองเป็นหลัก


'อนุสรณ็' ย้ำเวลา 'ประยุทธ์' หมดแล้ว

ด้าน อนุสรณ์ กล่าวในหัวข้อ '8 ปีแล้วที่ล้มเหลว ประยุทธ์ยังจะยื้ออยู่ต่อ' โดยระบุว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เปรียบเสมือนผู้ป่วยที่เปลี่ยนเครื่องช่วยหายใจมาหลายหน ผ่านมา 8 ปี ประเทศหนี้ล้น ประชาชนหนี้ท่วม 3 ป. มีอำนาจล้นมือ มีเครื่องมือพิเศษมากมาย เช่น มาตรา 44 ในช่วงแรก แต่น่าสงสัยที่ตอนใกล้จะปิดฉาก กลับกลายเป็น 3 แกน เชื่อได้ว่าถ้าให้พูดใหม่ เนื้อหาจะไม่เหมือนเดิมแน่นอน

763471.jpg

"8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ หาความสำเร็จไม่เคยเจอ เจอแต่วาทกรรม แก้ปัญหาเดิมไม่ได้ก็สร้างเรื่องใหม่มากลบเรื่องเก่าที่ล้มเหลวไปเรื่อยๆ แต่วันนี้ประชาชนรู้ทันว่า พล.อ.ประยุทธ์ ใช้วิธีการสร้างความมั่นคงของตนเอง ยึดหลักการสืบทอดอำนาจ ก่อนความมั่นคงของประเทศชาติและประชาชน"

หลักการสืบทอดอำนาจของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ สะท้อนผ่านการตั้งสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ไปนำหมอมาแก้ปัญหาโควิด-19 ยึดอำนาจกระทรวงสาธารณสุขเป็นรัฐซ้อนรัฐ เมื่อเกิดวิกฤตพลังงาน ก็มอบหมายให้ สมช. แก้ไขอีก การใช้องคาพยพอำนาจแก้ไขปัญหาแบบปิดฝาปิดตัว จึงนำมาสู่ความล้มเหลว 

อนุสรณ์ ย้ำถึง 4 สมรภูมิ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องเจอ คือการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล วาระการดำรงตำแหน่งเกิน 8 ปี การยื่นตีความสูตรหาร 500 และการเป็นเจ้าภาพเอเปก สภาพ 3 ป. ที่โรยราเต็มทน ควรเอาเวลาไปตรวจสอบนโยบายที่หาเสียงไว้แล้วทำไม่สำเร็จดีกว่า พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลต้องปรับทัศนคติ ไม่ใช่ทำงานแบบสังคมลมโชยไปเรื่อยๆ ท่านมีสิทธิที่จะยื้ออำนาจต่อ แต่ผลการเลือกตั้งท้องถิ่นที่ผ่านมาชัดเจนว่าคะแนนกำลังไหลมาสู่พรรคฝ่ายประชาธิปไตย ยืนยันได้ว่า เวลาของท่านได้หมดลงแล้ว