จุฑาพร เกตุราทร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตบางรัก สาทร ปทุมวัน และ โฆษกคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้ ตนได้ลงพื้นที่บางรัก พร้อม พิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจ โดยได้พบกับกลุ่มผู้สูงอายุเพื่อรับฟังปัญหาและหาแนวทางแก้ไขเพื่อออกนโยบาย โดยพบว่าประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างรวดเร็ว และผู้สูงอายุจำนวนมากต้องการการดูแลทางด้านสาธารณสุขเป็นหลัก ซึ่งนโยบายการยกระดับนโยบาย 30 บาท รักษาทุกโรคน่าจะตอบโจทย์ความต้องการของผู้สูงอายุได้ โดยไม่ต้องไปรอคอยพบแพทย์ที่โรงพยาบาลนานนัก และยังมีการปรับปรุงบริการด้านอื่นๆ ให้ทันสมัยและทันสถานการณ์ อีกทั้งผู้สูงอายุจำนวนมากยังประสบปัญหาโรงพยาบาลที่ถูกกำหนดอยู่ห่างจากที่พักอาศัยมาก อยากให้สามารถใช้บริการโรงพยาบาลที่ใกล้บ้านได้
อีกทั้ง ผู้สูงอายุจำนวนมากมีอาการซึมเศร้า ซึ่งจะต้องมีการดูแลผู้สูงอายุในเรื่องดังกล่าวเป็นพิเศษโดยให้เข้าถึงจิตแพทย์ได้สะดวกมากยิ่งขึ้นผ่านระบบ telemedicine ในบางกรณี เพื่อช่วยบรรเทาอาการซึมเศร้าได้ อีกทั้งในปัจจุบันภาวะสังคมที่บีบคั้น และสภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ทำให้ผู้สูงอายุจำนวนมากไม่สามารถเลี้ยงตัวเองได้หลังจากเกษียณอายุ อีกทั้งจะอาศัยลูกหลานเลี้ยงก็ไม่ได้เพราะลูกหลานเองก็ยังไม่สามารถเลี้ยงตัวเองได้เลย พรรคเพื่อไทยกำลังพิจารณาหาแนวทางช่วยเหลือ รวมไปถึงการฝึกอาชีพสำหรับผู้สูงอายุให้มีรายได้เพื่อประคองชีวิต และมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกัน ลดอาการเหงา คลายความเครียด ช่วยเสริมสร้างทักษะและฟื้นฟูความจำอยู่เสมอ ทั้งนี้ในปัจจุบัน พื้นที่ในการทำกิจกรรมของผู้สูงอายุในเขตบางรัก ที่มีความสะดวกสบาย ทันสมัย อุปกรณ์ครบครัน ยังมีไม่เพียงพอและต้องได้รับการพัฒนาปรับปรุงมากกว่านี้ โดยอยากให้พัฒนาเป็นสถานที่สันทนาการที่ถาวรสำหรับผู้สูงอายุ เพื่อเป็นจุดศูนย์รวมให้ผู้สูงอายุมาทำกิจกรรมร่วมกันตลอด
นอกจากนี้ยังได้พบกับประชาชนในย่านตลาดวัดแขก และซอยละลายทรัพย์ พ่อค้าแม่ค้าต่างบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่าเศรษฐกิจซบเซา ค้าขายไม่ดี แต่ค่าใช้จ่ายและค่าครองชีพพุ่งขึ้นสูง มีภาระหนี้สินมหาศาล ค่าน้ำมัน ค่าไฟฟ้า ค่าก๊าซหุงต้มมีราคาแพง จึงอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงการบริหาร เพื่อให้เศรษฐกิจดีขึ้น และอยากให้พรรคการเมืองที่เคยประสบความสำเร็จในการฟื้นเศรษฐกิจ สร้างโอกาส สร้างรายได้ในอดีตให้เข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่กำลังซบเซาอย่างมากในปัจจุบัน
ทั้งนี้ ประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้ว ดังนั้นจึงจำเป็นที่รัฐบาลในอนาคตจะต้องมีนโยบายรองรับเพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุอย่างจริงจัง และตรงจุด รวมถึงการหารายได้เข้ารัฐที่เพียงพอเพื่อจะมีเงินดูแลกลุ่มผู้สูงอายุที่จะมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง