ไม่พบผลการค้นหา
คณะก้าวหน้าเดินสายเปิดแคมเปญ สว.ประชาชน เริ่มปูพรมภาคใต้ที่แรกหลังสงกรานต์ “ธนาธร” ย้ำเป็นจุดเริ่มต้นแก้ปมวงจรตัดสิทธิ์นักการเมืองและยุบพรรคซ้ำซาก-องค์กรอิสระถูกครอบงำ ชี้กติกาคัดเลือกซับซ้อนเอื้อพวกมากลากไป ขอแรงประชาชนที่มีศักยภาพร่วมเป็นเสียงอิสระให้ชนะเสียงจัดตั้งของผู้มีอำนาจ

ระหว่างวันที่ 17-19 เมษายน 2567 คณะก้าวหน้า นำโดย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานมูลนิธิคณะก้าวหน้า และ กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ กรรมการบริหารมูลนิธิคณะก้าวหน้า ออกเดินสายรณรงค์แคมเปญ “สว. ประชาชน” ในจังหวัดภาคใต้ ที่สุราษฎร์ธานี กระบี่ นครศรีธรรมราช ภูเก็ต และพังงา ในฐานะส่วนหนึ่งของการรณรงค์ สว. ประชาชน ที่จะเกิดขึ้นทั่วประเทศหลังช่วงเทศกาลสงกรานต์

โดยในเวทีที่สุราษฎร์ธานีวันนี้ (18 เมษายน) ธนาธรได้บรรยายถึงความสำคัญของการเลือก สว. ที่จะเกิดขึ้น โดยระบุว่าแม้จะยุ่งยากมาก แต่ก็สำคัญกับอนาคตของประเทศไทยและการฟื้นฟูประชาธิปไตยของประเทศไทย เพราะ สว. มีอำนาจในการแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระต่างๆ จำนวนหนึ่งที่จะหมดวาระลงในอีกไม่นานนี้ ถ้าไม่อยากให้มีกรณีนาฬิกาเพื่อน การเปลี่ยนแปลงสูตรคำนวณ สส. การเลือกปฏิบัติกับนักการเมืองต่างฝ่ายอย่างไม่เสมอภาค ทางเดียวคือต้องแต่งตั้งคนมีจิตใจรักความเป็นธรรมไปดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระเหล่านี้

การเลือก สว. ครั้งนี้ยังมีความสำคัญต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ดังจะเห็นได้ว่าที่ผ่านมาในสภาชุด 2562 มีการเสนอแก้รัฐธรรมนูญไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง สว. เป็นผู้ปัดตกแทบทั้งหมด ผ่านแค่ครั้งเดียวคือการปรับเปลี่ยนวิธีการเลือกตั้งเป็นบัตร 2 ใบ ซึ่งการผ่านร่างแก้รัฐธรรมนูญ ต้องได้เสียง 1 ใน 3 ของ สว. ทั้งหมดหรือราว 70 คน นั่นแปลว่าต้องมี สว. ที่ฝักใฝ่ประชาธิปไตย ไม่สนับสนุนเผด็จการอย่างน้อย 70 คนเพื่อให้เกิดการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย และแก้ไขที่มาและอำนาจที่ล้นเกินขององค์กรอิสระได้

“ดังนั้น ถ้าอยากแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้องค์กรอิสระไม่ถูกครอบงำ ต้องเริ่มต้นที่เดือนพฤษภาคม-มิถุนายนนี้ เป็นปมแรกที่ต้องแก้ปัญหาที่พัวพันกันของประเทศนี้ ถ้ามี สว. ประชาธิปไตยเข้าไปได้ยิ่งเยอะเท่าไหร่ โอกาสในการทำให้ สว. เป็นสภาที่คัดเลือกคนมีระสบการณ์ คุณภาพ อุดมการณ์ เข้าไปดำรงตำแหน่งสำคัญของประเทศได้ก็ยิ่งมากเท่านั้น” ธนาธรกล่าว

ธนาธรยังกล่าวต่อไปว่านี่ยิ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้ประชาชนต้องมีส่วนร่วมในกระบวนการนี้ โดยเฉพาะในยามที่ปัจจุบันกำลังเกิดมีความพยายามใช้เงินสร้างกลุ่ม สว. ขึ้นมา โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นเครือข่ายของรัฐราชการและฝ่ายอนุรักษ์นิยม บวกกับการที่กระบวนการเลือก สว. ครั้งนี้ตลกและซับซ้อนที่สุดในโลก

กล่าวคือคนที่มีสิทธิเลือก สว. ได้มีแค่คนที่อายุมากกว่า 40 ปีเท่านั้น ไม่นับข้าราชการ และยังต้องเป็นคนที่มีเงิน 2,500 บาทที่พร้อมจ่ายค่าสมัครได้ ทำให้เหลือคนที่ลงไปเลือก สว. ได้จำนวนจำกัดมาก และวันนี้ก็เริ่มมีคนคิดวางแผนจะซื้อ สว. กันแล้วโดยจ่ายเงินค่าสมัครให้คนในเครือข่ายไปลงสมัคร สว.

ธนาธรยังกล่าวต่อไปถึงกระบวนการเลือก สว. ที่มีทั้งการแบ่งเป็นกลุ่มอาชีพ 20 กลุ่ม คัดเลือกกันเองตั้งแต่ในระดับอำเภอ ระดับจังหวัด ไปจนถึงระดับประเทศ และยังมีการเลือกไขว้ข้ามกลุ่มอาชีพในแต่ละระดับ ซึ่งไม่มีกฎการเลือกตั้งที่ไหนในโลกที่เป็นแบบนี้

แม้โดยอุดมคติของระบบคือการอยากได้คนที่เก่งที่สุดจากกลุ่มสาขาอาชีพต่างๆ ไปเป็น สว. แต่เมื่อเป็นการปฏิบัติกลับกลายเป็นกติกาสำหรับพวกมากลากไป คนที่ดีเด่นดังไม่มีทางได้เป็น สว. ถ้าไม่มีพวกลงสมัครด้วยกัน ส่วนใครที่มีศักยภาพในการลงเงินเกณฑ์คนยิ่งมากก็ยิ่งมีโอกาสในการได้รับเลือกมากขึ้น

ดังนั้น สำหรับประชาชนแล้ว แม้เงิน 2,500 บาทกับต้นทุนอื่นๆ ที่ตามมาจะไม่ใช่เงินจำนวนน้อย เป็นการเรียกร้องที่สูงมากสำหรับประชาชน แต่หากใครพอมีศักยภาพที่จะไปลงสมัคร ตนขอเรียกร้องให้ร่วมกันลงสมัคร เพื่ออย่างน้อยที่สุดก็ไปก่อกวนแผนการที่เขาวางไว้ ไปดันคนที่เหมาะสมเข้าไป รวมทั้งไปจับตาความผิดปกติในการเลือกตั้ง สว. ด้วย เพราะกระบวนการคัดเลือกครั้งนี้ไม่อนุญาตให้มีการสังเกตการณ์การคัดเลือก

“โจทย์ครั้งนี้คือเสียงอิสระต้องมากกว่าเสียงจัดตั้ง นี่คือสิ่งที่ประชาชนผู้รักประชาธิปไตยต้องร่วมกันต่อสู้ต่อต้านไม่ให้มีการกินรวบ สว. จากคนที่ใช้เงินซื้อพวกมากลากเข้าไป ถ้าคนเหล่านี้เข้าไปได้ ตำแหน่งสำคัญต่างๆ ก็จะได้คนแบบเดิมๆ เราต้องทำให้ในแต่ละสายอาชีพมีผู้ที่มีอุดมการณ์ประชาธิปไตยเข้าไปให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะด้วยความอยากเป็น สว. เองหรืออยากเทคะแนนให้ผู้ที่เหมาะสมเข้ารอบต่อไป จะเป็นแบบใดก็ได้ที่ไม่ฝักใฝ่เผด็จการ ทำให้มี สว. ที่รักประชาธิปไตยให้มากที่สุด ยิ่งทั้งประเทศมีผู้ลงคะแนนที่เป็นอิสระมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้คนที่มีคุณภาพมีโอกาสได้เป็น สว. มากขึ้นเท่านั้น” ธนาธรกล่าว