รัฐบาลมาเลเซียเปิดเผยว่าคณะกรรมการด้ายการอภัยโทษจะประชุมเกี่ยวกับการขอพระราชทานอภัยโทษคดีมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักให้นายอันวาร์ อิบราฮิม แกนนำปากาตัน ฮารัปปัน (PH) ในวันพรุ่งนี้ (16 พ.ค.) เวลา 11.00 น. จากเดิมที่มีกำหนดการประชุมวันนี้

ฝ่ายสนับสนุนอันวาร์คาดการณ์ว่า เมื่อมีการประชุมแล้ว อันวาร์จะได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำในวันเดียวกัน และรีบมารับตำแหน่งที่สำคัญในรัฐบาล แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการว่าอันวาร์จะถูกปล่อยตัววันไหน

ขณะที่วัน อาซิซะห์ วัน อิสมาอิล ภรรยาของอันวาร์ให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ว่า เมื่ออันวาร์ได้รับการปล่อยตัวแล้ว จะขอให้เขาพักฟื้นจากการผ่าตัดไหล่ให้หายดีก่อนจะกลับมาทำงานการเมืองต่อ

รัฐบาลมาเลเซียภายใต้การนำของมหาเธร์ โมฮัมหมัดชี้แจงว่ากระบวนการขอพระราชทานอภัยโทษและปล่อยตัวอันวาร์อาจล่าช้ากว่าที่คาดไว้เล็กน้อย เพราะรัฐบาลต้องการทำตามกระบวนการที่ถูกต้อง ขณะที่สมาชิกพรรคพีเคอาร์ของอันวาร์ยืนยันว่ามีการเตรียมเอกสารในการขอพระราชทานอภัยโทษครบถ้วนแล้ว

อันวาร์ถูกจำคุกเป็นครั้งที่ 2 ในปี 2015 ในข้อหามีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักกับผู้ช่วยชาย ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่นาจิบ ราซัก เป็นนายกรัฐมนตรี และนักวิเคราะห์พากันจับตาว่าอันวาร์มีแนวโน้มที่จะชนะการเลือกตั้งครั้งหน้า จึงทำให้ฝ่ายสนับสนุนอันวาร์เชื่อว่าคดีนี้เป็นการกลั่นแกล้งกันทางการเมือง

หลังพรรคปากาตัน ฮารัปปัน และอีก 3 พรรคฝ่ายค้านชนะการเลือกตั้งสัปดาห์ก่อน มหาเธร์สัญญาว่าจะขอพระราชทานอภัยโทษให้อันวาร์และแต่งตั้งเขาเป็น ส.ว. เพื่อให้เขามานั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีในอีก 2 ปีข้างหน้า รวมถึงจะทบทวนกฎหมายปราบปรามข่าวปลอม ยกเลิกภาษีการค้าและบริการ (GST) และสอบสวนคดีคอร์รัปชันกองทุน 1MDB

ในขณะที่มหาเธร์เดินหน้าปราบปรามคอร์รัปชันอย่างเต็มที่ มีคำสั่งห้ามทุกกระทรวงทำลายเอกสารใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลนาจิบ ในทางกลับกัน การจัดสรรอำนาจภายในรัฐบาลผสมของเขายังไม่ลงตัว

ในแถลงการณ์ของอันวาร์ได้ขอให้ผู้สนับสนุนของเขาเชื่อมั่นว่ารัฐบาลมหาเธร์จะมีเสถียรภาพ แต่เขาก็เปิดเผยว่าได้คุยกับมหาเธร์แล้วว่า พรรค PKR ของเขาต้องการให้มีการเจรจาต่อรองกันแบบให้พรรคมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ มากกว่านี้ เนื่องจากมหาเธร์ได้เสนอเก้าอี้สำคัญอย่างกลาโหม มหาดไทยและพาณิชย์ไปให้ 3 พรรคร่วมรัฐบาล แต่มหาเธร์ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านโทรทัศน์ว่า ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่บางพรรคอาจไม่พอใจบ้าง แต่การตัดสินใจก็จะอยู่ที่นายกรัฐมนตรี

ที่มา: SCMP, Reuters, The Straits Times