“การดำเนินคดีคนเพราะมีกัญชาไว้ในครอบครอง ได้ทำให้ชีวิตคนมากมายพลิกผัน และทำให้พวกเขาต้องถูกคุมขัง ด้วยการกระทำที่ในหลายมลรัฐไม่ได้ห้ามแล้ว” ไบเดนกล่าว ก่อนกล่าวเสริมอีกว่า จากข้อมูลเชิงสถิติ คนกลุ่มน้อยทางเชื้อชาติมีแนวโน้มที่จะต้องโทษจำคุกเนื่องจากถือครองกัญชามากกว่า “ในขณะที่คนผิวขาวและผิวดำมีการใช้กัญชาในอัตราที่เกือบเท่ากัน แต่คนผิวดำถูกจับกุม ดำเนินคดี และตัดสินโทษมากกว่าในอัตราส่วนที่ไม่สมเหตุสมผล” ไบเดนกล่าว
ทั้งนี้ ไบเดนเคยถูกวิพากษ์วิจารณ์ในปี 2537 เนื่องจากเป็นเขาเป็นหนึ่งในผู้ร่างกฎหมาย ที่ทำให้โทษเกี่ยวกับยาเสพติดมีความเข้มงวดขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบกับคนกลุ่มน้อยทางเชื้อชาติอย่างมาก
การอภัยโทษในครั้งนี้ครอบคลุมถึงโทษถือครองกัญชาเท่านั้น ซึ่งถือเป็นความผิดเพียงเล็กน้อย ในขณะที่คนที่ถูกจำคุกเนื่องจากการลักลอบขนกัญชา ขายกัญชา รวมถึงความผิดเกี่ยวกับกัญชาอื่นๆ จะไม่ได้รับประโยชน์จากกฎหมายนี้ด้วย
ในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในวันพฤหัสสบดีที่ผ่านมา (6 ต.ค.) เจ้าหน้าที่ทำเนียบข่าวบอกกับผู้สื่อข่าวว่า “ขณะนี้ไม่มีประชาชนที่ถูกจองจำในเรือนจำระดับรัฐบาลกลางด้วยข้อหาการถือครองกัญชาเพียงอย่างเดียวอีกแล้ว”
ไบเดนกล่าวว่า การอภัยโทษจะเป็นการลบล้าง “อุปสรรคต่อการสมัครงาน การซื้อบ้าน และโอกาสทางการศึกษา” ของผู้ต้องหา โดยเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ ประมาณการณ์ว่า จะมีผู้ต้องหา 6,500 คนที่จะได้รับประโยชน์จากคำสั่งของไบเดนครั้งนี้
นอกจากนี้ ไบเดนยังกล่าวอีกว่า เขาจะพูดคุยกับผู้ว่าการมลรัฐต่างๆ ของสหรัฐฯ ในเรื่องการออกคำสั่งอภัยโทษถือครองกัญชาในระดับมลรัฐด้วย รวมถึงออกคำสั่งให้กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงยุติธรรมพิจารณาว่า เสรีกัญชาสามารถสอดคล้องกับกฎหมายระดับประเทศได้อย่างไร
“เราจัดกัญชาว่ามีความร้ายแรงในระดับเดียวกับเฮโรอีน และร้ายแรงกว่ายาเฟนทานิล” ไบเดนกล่าว “นั่นไม่มีเหตุผลเลย”
การใช้กัญชาเพื่อการสันทนาการได้ถูกกฎหมายแล้วใน 19 มลรัฐ รวมถึงกรุงวอชิงตัน ดีซี ในขณะที่การใช้กัญชาเชิงการแพทย์ถูกกฎหมายใน 37 มลรัฐ และดินแดนของสหรัฐฯ 3 แห่ง อย่างไรก็ตาม กัญชายังคงผิดกฎหมายในระดับรัฐบาลกลาง แม้กระทั่งในมลรัฐที่มีการซื้อขาย และใช้กัญชาได้อย่างถูกกฎหมายก็ตาม
กลุ่มประชาสังคมหลายกลุ่มชื่นชมการกระทำของไบเดน โดย แคสแซนดรา เฟรเดอรีค ผู้บริหารเครือข่ายนโยบายยาเสพติดกล่าวว่า องค์กรของเธอตื่นเต้นกับคำสั่งนี้ แต่ก็เสริมว่า “คำสั่งนี้ควรจะมีขึ้นตั้งนานแล้ว”
อย่างไรก็ตาม มีผู้คนบางกลุ่มที่ยังมองว่า การกระทำของไบเดนนั้นตื้นเขินเกินไป โดย เชลซี ฮิกส์ ไวส์ ผู้อำนวยการองค์กรเกี่ยวกับการสนับสนุนกัญชาในมลรัฐเวอร์จิเนียกล่าวว่า การอภัยโทษเพียงแค่ผู้ต้องหาที่ต้องข้อหาถือครองกัญชานั้น ยังคงทิ้งคนจำนวนมากไว้ข้างหลังอยู่ องค์กรของเธอทำการวิเคราะห์ว่า นักโทษในเรือนจำจำนวนมากที่ต้องข้อหาเกี่ยวกับกัญชานั้นมักโดนคดีค้ายาเสพติดมากกว่า
“ผู้ร่างกฎหมายมีความรู้สึกว่า มันยุ่งยากเกินไปที่จะช่วยเหลือผู้ที่ต้องข้อหาเกี่ยวกับกัญชาหลายคดีพร้อมกัน การไร้ซึ่งความมุ่งมั่นทางการเมืองที่จะพูดถึงปัญหานี้ ทำให้ประชาชนหลายคนยังถูกทอดทิ้งไว้ในคุกและเรือนจำ รวมถึงคนที่ได้รับการปล่อยตัวแต่ยังคงต้องใส่กำไลข้อเท้าด้วย” ไวส์กล่าว
ทั้งนี้ การออกคำสั่งอภัยโทษมีขึ้นใน 1 เดือนก่อนจะมีการเลือกตั้งกลางสมัย หรือเลือกตั้งมิดเทอม ของรัฐสภาสหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นตัวบ่งชี้ดุลทางอำนาจในการเมืองสหรัฐฯ ใน 2 ปี สุดท้ายของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของไบเดน
อย่างไรก็ตาม ไบเดนไม่ใช่ประธานาธิบดีคนแรกที่ออกคำสั่งอภัยโทษเกี่ยวกับกัญชา เนื่องจากในช่วงท้ายสมัยของ โดนัลด์ ทรัมป์ ก็ได้มีการอภัยโทษผู้ต้องหา 12 คนเช่นกัน ในจำนวนนี้รวมถึงผู้ที่ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตจากกฎหมายที่ร่างโดยไบเดนในปี 2537 ด้วย
ที่มา: