ไม่พบผลการค้นหา
รัฐบาลอินเดียประกาศเดินหน้าความร่วมมือทางเศรษฐกิจและความมั่นคงกับอาเซียน โดยที่นักวิเคราะห์ระบุว่านี่คือการ 'ถ่วงดุลจีน' ส่วนไทยจะเป็นตัวแทนอาเซียนประสานความร่วมมือกับอินเดียแทนเวียดนามที่จะพ้นวาระในปีนี้

ผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนเข้าร่วมพิธีสวนสนามและเฉลิมฉลองวันก่อตั้งสาธารณรัฐอินเดีย ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงนิวเดลีของอินเดีย เมื่อวานนี้ (26 ม.ค.2561) โดยถือเป็นวาระพิเศษที่ผู้นำจากอาเซียนทั้ง 10 ประเทศได้รับเชิญเข้าร่วมพิธีพร้อมกันทั้งหมด เพราะเป็นปีที่อินเดียและอาเซียนสานความสัมพันธ์ครบ 25 ปี และปีนี้ นายนเรนทรา โมดิ นายกรัฐมนตรีอินเดีย ยังได้ประกาศผลักดันความร่วมมือกับอาเซียนต่อ ทั้งในด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงในภูมิภาค

นายราวีช กุมาร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของอินเดีย เปิดเผยด้วยว่า นายโมดิได้เจรจากับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และไทยจะรับเป็นตัวแทนอาเซียนในการประสานความร่วมมือกับอินเดียแทนเวียดนาม ซึ่งกำลังจะพ้นวาระในเดือนกรกฎาคม 

AP18025273686806.jpg

สื่อในประเทศอินเดียรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้เจรจากับนายโมดิด้านการส่งเสริมความร่วมมือในกรอบทวิภาคี ซึ่งรวมถึงการผลักดันความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การป้องกันความมั่นคง การแลกเปลี่ยนความร่วมมือทั้งระดับบุคคล ภาคเอกชน และรัฐบาล รวมถึงดำเนินการเชื่อมต่อเส้นทางโครงข่ายระหว่างเอเชียใต้กับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งรวมถึงโครงการก่อสร้างทางหลวงไตรภาคีเชื่อมต่อ 3 ประเทศ ได้แก่ อินเดีย-เมียนมา-ไทย คาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดทำการได้อย่างเต็มรูปแบบภายในปี 2562

ขณะเดียวกัน เว็บไซต์เซาท์ไชนามอร์นิงโพสต์ (SMCP) สื่อของฮ่องกง รายงานว่าการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างอินเดียและกลุ่มประเทศอาเซียนเป็นการเคลื่อนไหวที่สำคัญในภูมิภาค เพราะอินเดียเป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี รวมถึงมีบทบาทด้านความมั่นคงที่พอจะถ่วงดุลการขยายอำนาจของจีนในภูมิภาคได้ 

20180125060548.jpg
(ภาพจากเว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาล: พล.อ.ประยุทธ์ และ 3 ผู้นำประเทศอาเซียน ฟิลิปปินส์ เมียนมา และกัมพูชา )

SMCP รายงานว่า ช่วงหลายปีที่ผ่านมา อินเดียพยายามพัฒนาความร่วมมือทางธุรกิจกับประเทศอาเซียน โดยอาศัยความเชื่อมโยงด้านวัฒนธรรมฮินดูที่มีอิทธิพลต่อประเทศต่างๆ รวมถึงส่งเสริมความร่วมมือทางการค้าและการโยกย้ายแลกเปลี่ยนบุคลากรในภูมิภาค และหลายปีที่ผ่านมา อินเดียนำเข้าน้ำมันปาล์มจากมาเลเซียและอินโดนีเซีย มูลค่ากว่าหนึ่งหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี ขณะที่นักท่องเที่ยวอินเดียเดินทางไปยังประเทศอาเซียนเพิ่มขึ้น ช่วยกระตุ้นความร่วมมือในระดับประชาชนและกิจการขนาดย่อย

นอกจากนี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ยังประเมินด้วยว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของอินเดียในปีนี้จะเติบโตมากกว่าร้อยละ 7 ซึ่งคาดว่าจะแซงหน้าการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในปีนี้ และเชื่อว่าอินเดียจะเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับสองของโลก รองจากจีน ภายในปี 2593 

อ่านเพิ่มเติม: