นายสนั่น ทองจีน ผู้ช่วยเลขาธิการ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ภาค 9 (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 อ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ ที่ อท.29/2561 คดีหมายเลขแดงที่ อท.33/2561
กรณีนายเฉลิม พละสิทธิ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านมะรือโบตก อ.ระแงะ จ.นราธิวาส สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานราธิวาสเขต 3 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐและเจ้าพนักงานตามกฎหมาย มีอำนาจหน้าที่อนุมัติการเบิกจ่ายและควบคุมกำกับการใช้จ่ายเงินให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และความถูกต้องตามกฎหมาย ระเบียบและคำสั่งของทางราชการที่เกี่ยวข้อง จำเลยใช้โอกาสที่ตนมีหน้าที่ดังกล่าว ทำบันทึกขอยืมเงินประเภทเงินอุดหนุนอื่น และประเภทเงินโครงการอาหารกลางวันของโรงเรียนบ้านมะรือโบตก โดยไม่ได้ระบุวัตถุประสงค์ของการยืมเงิน ว่าจะนำไปใช้จ่ายเพื่อกิจกรรมใดของโรงเรียน ซึ่งขัดต่อระเบียบของทางราชการ จำเลยใช้อำนาจโดยมิชอบ อนุมัติให้ตนเองยืมเงินดังกล่าว เมื่อจำเลยได้รับเงินที่ยืมไปแล้ว ได้เบียดบังเอาไว้เป็นประโยชน์ส่วนตน ไม่ได้นำเงินไปใช้จ่ายในโครงการหรือแผนงานใดของโรงเรียน ทั้งยังไม่ส่งใช้เงินยืมรายเก่าตามกำหนดเวลา
คำพิพากษาของศาล ระบุว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 (เดิม) การกระทำของจำเลย เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิด ไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 จำคุกกระทงละ 5 ปี รวม 14 กระทง เป็นจำคุก 70 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ล��โทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 35 ปี ที่จำเลยขอให้รอการลงโทษโดยอ้างว่าได้นำเงินที่ยืมไปใช้ในกิจกรรมของโรงเรียนบ้านมะรือโบตกหลายกิจกรรม และบางส่วนนำไปใช้ปรับปรุงห้องพักครูเป็นประโยชน์แก่ทางราชการ
รวมทั้งจำเลยได้จ่ายเงินคืนทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ยแล้วนั้น ไม่ปรากฏหลักฐานการใช้เงินยืมว่าจำเลยนำไปใช้ในกิจกรรมใดของโรงเรียนตามที่กล่าวอ้าง ซึ่งหากจำเลยนำไปใช้ในกิจกรรมดังกล่าวจริง จำเลยย่อมสามารถแสดงหลักฐานการใช้เงินยืมดังกล่าวได้โดยไม่ยาก การกระทำของจำเลยกระทบต่อระเบียบแบบแผนการใช้เงินงบประมาณแผ่นดินอันเป็นการกระทำที่ร้ายแรง แม้จำเลยจะชดใช้คืนเงินยืมพร้อมดอกเบี้ยแล้วก็ตาม แต่ก็เป็นภายหลังจากมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยและเป็นเรื่องทางแพ่งเท่านั้น
อย่างไรก็ดี คดีข้างต้นยังไม่ถือเป็นที่สุด และอยู่ภายใต้สิทธิการอุทธรณ์ การพิจารณาวินิจฉัยของศาลสูงตามลำดับ จำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด
ที่มา : มติชนออนไลน์