นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีตรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทยให้ความเห็นกรณี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มีส่วนได้เสียทางการเมือง ไม่เหมาะอย่างยิ่งที่จะให้ความเห็นว่า คดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นคดีทุจริตคอร์รัปชั่น ไม่ใช่คดีการเมือง ในแวดวงผู้ที่มีประสบการณ์ทางกฎหมาย ได้มีอดีตรองประธานศาลฎีกาท่านหนึ่ง ให้ความเห็นคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์สรุปว่า
"จำเลยได้กระทำลงไปขณะปฏิบัติหน้าที่ทางการเมือง ถึงคนในประเทศจะมองว่าเป็นคดีอาญา แต่ทุกประเทศในทุกทวีปถือเป็นคดีการเมืองทั้งหมด เพราะการเมืองเป็นเรื่องของอำนาจ การส่งตัวผู้ที่หมดอำนาจไปให้ผู้ที่กำลังมีอำนาจ ไม่มีประเทศไหนในโลกยอม ยิ่งถ้าเป็นอำนาจที่อยู่ในมือของคนที่มาจาก 'วิธีพิเศษ' ยิ่งไม่มีใครยอมส่งผู้ร้ายข้ามแดนให้ หลักการนี้ คือศีลธรรมของโลก" นั่นเป็นความเห็นของอดีตรองประธานศาลฎีกาท่านหนึ่ง ซึ่งน่าจะกล่าวได้ว่า มีความเชี่ยวชาญทางด้านกฎหมาย และมีความเป็นกลาง
นายชวลิต กล่าวเพิ่มเติมว่า คดีนี้ตนไม่อาจให้ความเห็นเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมตั้งแต่ต้นจนจบ เพราะอาจหมิ่นเหม่ต่อการก้าวล่วงการวินิจฉัยของศาลแต่โดยส่วนตนเห็นว่า คดีนี้เป็นคดีการเมือง เพราะนโยบายโครงการรับจำนำข้าว เป็นนโยบายการเมืองในการช่วยเหลือชาวนา ที่กล่าวกันว่าเป็นกระดูกสันหลังของชาติ แต่เป็นกระดูกสันหลังผุ พรรคเพื่อไทยถือเป็นหน้าที่ที่จะต้องดูแลความเดือดร้อนของประชาชน ขณะเดียวกันนโยบายนี้ผ่านความเห็นชอบจาก ครม. และสภาผู้แทนราษฎร ตามขั้นตอน รวมถึงข้อกล่าวหาไม่ได้กล่าวหาว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ทุจริต แต่กล่าวหาว่า ปล่อยปละละเลย
"นอกจากนี้ถ้ายังจำกันได้ มีม็อบชุมนุมขัดขวางมิให้ ธกส.จ่ายเงินโครงการรับจำนำข้าวแก่ชาวนา ทำให้ชาวนาได้รับความเดือดร้อนอย่างยิ่ง เมื่อมาดูกรณีนายนคร มาฉิม อดีต ส.ส.พิษณุโลก เปิดโปงทฤษฎีสมคบคิด ทำให้ฉุกคิดว่าในการสร้างเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมือง ที่ผ่านมา มีกรณีนี้รวมด้วยหรือไม่" นายชลิตกล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: