ต่างประเทศ
'ควีนอังกฤษ' ทรงคัดค้าน 'เจ้าชายแฮร์รี-เมแกน' ใช้คำว่า Royal ในชื่อแบรนด์
สื่ออังกฤษรายงานอ้างแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดราชวงศ์อังกฤษ ระบุว่าสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 หรือควีนเอลิซาเบธที่ 2 และสมาชิกชั้นสูงของรางวงศ์ ต่างทรงเห็นพ้องว่าจะไม่ประนีประนอมกับ 'เจ้าชายแฮร์รี' และ 'เมแกน มาร์เคิล' ดยุกและดัชเชสแห่งชัสเซกส์ พร้อมเสนอให้ทั้งคู่พิจารณาทบทวนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า Sussex Royal ซึ่งมีแผนจะนำไปใช้ในการผลิตและจำหน่ายสินค้าต่างๆ ในอนาคต
ก่อนหน้านี้ เจ้าชายแฮร์รีและพระชายามีแผนจะผลิตสินค้าและดำเนินโครงการเพื่อการกุศลต่างๆ ภายใต้แบรนด์ 'Sussex Royal' และได้มีการยื่นขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้ากับทางการสหราชอาณาจักรตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2562 รวมถึงยื่นขอจดทะเบียนกับองค์การทรัพย์สินทางปัญญาแห่งโลก (WIPO) เพื่อให้แบรนด์ Sussex Royal สามารถดำเนินการครอบคลุมได้ในระดับโลก แต่คาดว่าจะพุ่งเป้าการตลาดในสหรัฐอเมริกา แคนาดา สหภาพยุโรป และออสเตรเลีย เป็นหลัก
ผู้ยื่นจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า Sussex Royal ในตอนแรก ได้แก่ นาตาลี แคมป์เบล และซาราห์ ลาแทม ซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมาย และทั้งคู่ได้โอนเปลี่ยนชื่อผู้ขอจดทะเบียนฯ เป็นเจ้าชายแฮร์รีและดัชเชสเมแกนในเดือน ธ.ค.2562
อย่างไรก็ตาม การใช้คำว่า 'Royal' ในแบรนด์ของดยุกและดัสเชสแห่งซัสเซกส์กลายเป็นประเด็นถกเถียงภายในราชวงศ์อังกฤษขณะนี้ เพราะการใช้คำว่า Royal ซึ่งมีความหมายเกี่ยวข้องกับราชวงศ์ "เป็นเรื่องไม่เหมาะสม" เพราะเจ้าชายแฮร์รีและพระชายามีแถลงการณ์ลาออกจากการเป็นสมาชิกราชวงศ์ชั้นสูงเมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา
ภายหลังจากเจ้าชายแฮร์รี่และดัชเชสเมแกนประกาศลาออกจากการเป็นสมาชิกราชวงศ์ระดับชั้นเจ้าฟ้า โดยให้เหตุผลว่าต้องการทำงานเพื่อเลี้ยงชีพ และนำไปสู่การเป็นอิสระทางการเงินจากราชวงศ์ ทั้งยังระบุว่าจะลดบทบาทการเป็นสมาชิกราชวงศ์ชั้นสูงอย่างเป็นทางการในฤดูใบไม้ผลิที่จะถึงนี้ หรือราวเดือนมีนาคม ทางสำนักพระราชวังบักกิงแฮมของอังกฤษจึงออกแถลงการณ์เพิ่มเติมว่า ทั้งคู่จะยุติการใช้คำนำหน้าพระนาม HRH (His/ Her Royal Highness) ด้วย
ปัจจุบันดยุกและดัสเชสแห่งซัสเซกส์พำนักอยู่ในประเทศแคนาดา พร้อมด้วยเจ้าชายอาร์ชี พระโอรส
ส่วนบัญชีอินสตาแกรมที่เป็นทางการของทั้งคู่ ใช้ชื่อว่า 'Sussex Royal' มีผู้ติดตามถึง 11.2 ล้านคน ทั้งยังมีการจัดทำเว็บไซต์ชื่อเดียวกัน sussexroyal.com ไว้สำหรับเผยแพร่ข่าวสารและแถลงการณ์ของทั้งคู่ด้วย
ที่มา: The Guardian/ Standard / Telegraph
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
