ที่ประชุมร่วมกันของผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภา มีความเห็นร่วมกันในการตั้งฉายาของรัฐสภา เพื่อเป็นการเป็นการสะท้อนการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติ
ทั้งนี้ สุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ได้รับเลือกจากสื่อมวลชนให้เป็นดาวเด่นแห่งปี
โดยมีเหตุผลว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่าปี 2563 ตลอดทั้งปี 'สุทิน คลังแสง' ในฐานประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน ทำหน้าที่ได้อย่างท็อปฟอร์ม หลายครั้งที่สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเรื่องสำคัญและ ส.ส.ฝ่ายค้านจำนวนไม่น้อยที่อภิปรายนอกประเด็นไปไกลและใช้แต่วาทะศิลป์ในการโจมตี แต่ทุกอย่างก็กลับเข้ารูปเข้ารอยเมื่อ 'สุทิน' ได้ขึ้นอภิปรายสรุปประเด็น
การอภิปรายสรุปของประธานวิปฝ่ายค้านไม่ใช่แค่การอภิปรายสรุปเพื่อให้จบตามหน้าที่เท่านั้น เพรายังหยิบจับประเด็นสำคัญบางเรืองที่ส.ส.ฝ่ายค้านอาจไม่ได้พูดถึงหรือพูดถึงแต่ยังไม่มีความชัดเจน มาขยายความเพื่อให้สภาได้ข้อเท็จจริงเพิ่มมากขึ้น ตำแหน่งดาวสภาประจำปี 2563 จึงตกเป็นของ 'สุทิน คลังแสง' ไปอย่างเอกฉันท์
นอกจากนี้ในด้านผู้นำฝ่ายค้าน แทนที่จะเป็น สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย แต่สื่อประจำรัฐสภาก็กลับโหวตให้สุทินมีบทบาทมากกว่า
โดยให้เหตุผลว่า บทบาทการเป็นผู้นำฝ่ายค้านฯ นั้น 'สมพงษ์' ไม่ได้โดดเด่นสมกับตำแหน่งเท่าใดนัก ตรงกันข้ามกลับเป็น 'สุทิน คลังแสง' ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้านที่ทำหน้าที่ได้อย่างโดดเด่น หลายต่อหลายครั้งเป็นตัวแทนของฝ่ายค้านไปร่วมประชุมกับฝ่ายรัฐบาลจนทำให้ฝ่ายค้านได้เวลาอภิปรายในสภาอย่างสมน้ำสมเนื้อและสามารถชี้นำสภาในที่ประชุมได้ ผิดกับผู้นำฝ่ายค้านฯตัวจริงที่ยังไม่ทำงานเชิงรุกมากนัก ด้วยเหตุนี้ทำให้อดไม่ได้ว่า 'สุทิน คลังแสง' คือ ผู้นำฝ่ายค้าน ไม่ใช่ 'สมพงษ์ อมรวิวัฒน์'
สำหรับสุทิน เริ่มได้รับความสนใจจากประชาชนจากกรณีอภิปรายบทบาทการใช้อำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถึงกรณีใช้มาตรา 44 ปิด ‘เหมืองทองอัครา’ นานกว่า 20 นาที เมื่อต้นเดือนมิถุนายน 2562
ความโดดเด่นของสุทินที่ทำให้ได้รับให้เป็นประธานวิป ฝ่ายค้านนั้น ยังส่งอิทธิพลต่อ ส.ส.หน้าใหม่ แม้แต่ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ยังเคยเปรยว่าหนึ่งในครูแห่งการอภิปรายในสภาของเขาก็คือสุทิน เนื่องจากเป็นคนอภิปรายได้ประเด็น เป็นประโยชน์กับสาธารณะ
ก่อนหน้านี้ สุทินเป็นสมาชิกรุ่นก่อตั้งพรรคไทยรักไทยตั้งแต่ปี 2541 และเป็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชนที่ถูกยุบและตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี เมื่อปี 2551
สุทิน เกิดในครอบครัวที่มีพ่อเป็นครูและผู้ใหญ่บ้าน ทำให้เขาซึมซับการใกล้ชิดชาวบ้านมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งก่อนจะมาเป็นผู้แทนราษฎร สุทินยังเคยสอนหนังสือให้กับเด็กพิการ และทำวิจัยงานสังคมศาสตร์ ประจำมหาวิทยาลัยมหาสารคาม มาก่อนด้วย
ความใกล้ชิดประชาชน ทำให้ชาวมหาสารคามไว้ใจเลือกสุทินมาเป็นผู้แทนฯ ต่อเนื่องหลายสมัย และยังได้รับการเรียกขานจากชาวบ้านว่า "ผู้แทนติดดิน"
แต่จะ "ติดดิน" และ "ยืนข้างประชาชน" ไปอีกนานแค่ไหน ประชาชนต้องร่วมกันพิสูจน์-ตรวจสอบ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
เปิดฉายารัฐสภา 63 ปลวกจมปลัก-สภาปรสิต-ยกเลิกตำแหน่ง 'คนดีศรีสภา'