อดีตคณะกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ นำโดยธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรค, ปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรค, พรรณิการ์ วานิช อดีตโฆษกพรรค, นิติพัฒน์ แต้มไพโรจน์ อดีตเหรัญญิก และเจนวิทย์ ไกรสินธุ์ อดีตกรรมการสัดส่วนภูมิภาค ภาคใต้ ร่วมกันแถลงข่าววันที่ 28 ต.ค. 2563 ถึงกรณีที่มีรายงานว่า คณะกรรมาการการเลือกตั้งมีมติดำเนินคดี อดีตคณะกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ 16 คน จากกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ ว่าด้วยพรรคการเมือง กู้ยืมเงิน จากธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรค ณ ที่ทำการคณะก้าวหน้า
โดยปิยบุตร ตั้งคำถามว่า กกต.ดำเนินคดีกับอดีตพรรคอนาคตใหม่ด้วยมาตรฐานเดียวกับอีกหลายๆ พรรคที่ถูกร้องเรียนหรือไม่ โดยส่วนตัวคิดว่าคดีนี้ไม่ควรถูกตั้งสินยุบพรรคตั้งแต่แรกแล้ว เพราะมองว่า ขณะนั้น กกต.มีการเร่งรัดกรณีของในเรื่องกู้เงินนี้อย่างผิดสังเกต ไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา ไม่มีการเรียกไปสอบสวน มีแต่เพียงให้ประธานคณะกรรมการไต่สวน เชิญไปชี้แจงอยู่ 3 ครั้ง แล้วให้ส่งเอกสาร ซึ่งมีลักษณะไม่เกี่ยวข้องกับคดีและไม่ได้มีการไต่สวนพยานที่อดีตพรรคอนาคตใหม่เพิ่มเติม
ปิยบุตรมองว่ากระบวนการทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับอดีตพรรคอนาคตใหม่คือความไม่เป็นธรรม พร้อมระบุว่าสิ่งนี้คือ นิติสงคราม ยืนยันว่าจากนี้จะเดินหน้าทำงานการเมืองต่อแม้ กกต.จะมีมติดำเนินคดีอาญา เพราะยังคงเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของประเทศ
ทั้งนี้ ปิยบุตรได้อ้างพูดของนักวิชาการว่า ตั้งแต่ยุบพรรคอนาคตใหม่ ถือเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้นักเรียน นิสิต นักศึกษา มาแสดงออกเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย เชื่อว่าจากนี้หากเกิดสิ่งที่กลุ่มคนเหล่านี้มองว่าไม่เป็นธรรม จะทำให้การเรียกร้องประชาธิปไตยข้มเข้นมากขึ้น
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าได้คุยกับฝ่ายกฎหมาย จะมีแนวทางสู้คดีอย่างไร ปิยบุตรตอบว่าต้องรอ การดำเนินการของ กกต.จะเป็นอย่างไร ซึ่งทางตนก็ได้เตรียมความพร้อมในการสู้คดีไว้แล้ว โดยต้นเรื่องนี้ต้องเริ่มที่ตำรวจและอัยการ ก่อนถึงศาล ส่วนข้อกังวลมีเพียงอันเดียวคือ กระบวนนิติสงครามที่มีมาอย่างต่อเนื่อง ที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือของผู้มีอำนาจ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศไทย
ด้านธนาธร กล่าวว่า ตนต้องการเพียงจะสร้างพรรคการเมืองที่โปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ เป็นพรรคการเมืองที่ยึดมั่นในอุดมการณ์ไม่ใช่ผลประโยชน์ ขณะเดียวกันที่ผ่านมาก็ได้รับคำชมในเรื่องของการทำบัญชีที่มีความโปร่งใส โดย กกต.ในหลายจังหวัดก็เอ่ยปากชม การสร้างพรรคการเมือง ไม่ต้องการจะไปขอทุนจากนายทุนคนไหนเพราะไม่ต้องการที่จะไปมีบุญคุณกับใคร จึงออกมาในรูปแบบของเงินกู้
ทั้งนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นแม้ไม่เป็นธรรมแต่ก็ขอบคุณทุกคนที่ให้ความสนับสนุน และให้กำลังใจ ให้เดินหน้าต่อไป และสิ่งที่เกิดขึ้นหยุดยั้งตนไม่ได้ เป็นเพียงเศษหินในรองเท้า ทำให้รู้สึกเสียสมาธิและเสียเวลา แต่ยืนยันจะยังก้าวหน้าต่อ แม้ว่าอิสรภาพจะมีเวลาที่จำกัด แต่ก็ยังมีคนที่มีความกล้าหาญ พร้อมขอให้มองไปยัง ทนายอานนท์, รุ้ง-ปนัสยา คนเหล่านี้มีความกล้าหาญ ยืนหยัดต่อสู้สิ่งที่ถูกต้องให้กับสังคม ดังนั้นถ้าหากตนยอมแพ้ตอนนี้จะตอบคำถามต่อคนเหล่านี้ได้อย่างไร