ไม่พบผลการค้นหา
สภาที่ 3 เสนอกองทุนประกันสังคม จ่ายคืนเงินสะสม 50 เปอร์เซ็นต์ ลดเงินสมทบ 1 ปีสู้โควิด พร้อมกระทุ้งรัฐบาลจ่ายสมทบล่าช้า ไล่บี้ให้แจงที่ยืมกองทุนไปด้วย

สภาที่ 3 นำโดยนายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา'35 ได้แถลงข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลไทย ในสถานการณ์โควิด -​19 ประกอบด้วย 1.ขอให้รัฐบาลดูแลสวัสดิการรวมถึงเบี้ยเสี่ยงภัยของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและบุคลากรทางการแพทย์ทุกคนอย่างเต็มที่ 2.สนับสนุนมาตรการเยียวยาประชาชนทุกระดับอย่างเสมอภาค โดยเฉพาะแรงงานนอกระบบทั้งที่อยู่และที่ไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคม 

3.ขอให้รัฐบาลลดราคาน้ำมันให้สอดคล้องกับราคาตลาดโลก และเมื่อรัฐบาลได้ลดการเก็บภาษีสรรพสามิตลงแล้ว ดังนั้น ควรลดราคาขายแอลอฮอล์ทำความสะอาดลงด้วย 

4.เรียกร้องให้รัฐบาลกำชับให้ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท.ดูแลสภาพคล่องภาคการเงินและเสถียรภาพตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด ให้ใช้กลไกตลาดเพื่อให้ผู้ออกตราสารหนี้จูงใจให้ผู้ออม เปลี่ยนจากเงินฝากมาซื้อตราสารหนี้ โดย ธปท.ระวังความเสี่ยงเองตามปกติ ไม่ควรเรียกร้องให้รัฐบาลค้ำประกันหรือชดเชยความเสียหาย

5. ให้รัฐบาลออกมาตรการให้กองทุนประกันสังคม สามารถจ่ายคืนเงินสะสมวัยชราสำหรับผู้ประกันตน ต้องการใช้เงินก่อนวัยชราได้ในอัตราไม่เกิน 50 เปอร์เซ็นต์ จากเงินสะสม และมีมาตรการลดเงินสมทบชั่วคราวในสถานการณิวิกฤตไปอย่างน้อย 1 ปื นอกจากนี้ รัฐบาลจะต้องตอบคำถามว่า ได้ยืมงินกองทุนไปจำนวนมากจนขาดสภาพคล่องจริงหรือไม่ รวมถึงเหตุที่ภาครัฐจ่ายเงินสมทบล่าช้าด้วย

เชื่อรัฐบาลฟื้นเศรษฐกิจยาก

ด้านนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ยืนยันว่าไม่เชื่อว่ารัฐบาลจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้ดีขึ้นได้ในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจโลกทรุดลง เพราะช่วงเศรษฐกิจดียังทำให้เศรษฐกิจไทยโตไม่ได้ ปีนี้จะติดลบกว่า 6.7 เปอร์เซ็นต์ คนตกงานจำนวนมาก ส่วนการเชิญ "เจ้าสัว" มาหารือนั้นมีข้อกังขาว่า จะมีการเอื้อประโยชน์กันหรือไม่ เพราะหลังการรัฐประหาร ก็ให้กลุ่มทุนร่วมกันออกโครงการประชารัฐ ทำให้คนจนยิ่งจนลงและคนรวยยิ่งรวยขึ้นอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

นายพิชัย มีข้อเสนอรัฐบาลและที่เกี่ยวข้องหลายข้อ ที่สำคัญคือ ให้ ธปท. ใช้เงินในส่วน 5 แสนล้านบาท ช่วย SMEs เน้นให้เกิดจ้างงานเป็นเงื่อนไข, ไม่ผลักดันการใช้เอทานอลทดแทนน้ำมันตามแผนเดิมอีกต่อไป เพราะต้นทุนสูง เนื่องจากปัจจุบันราคาน้ำมันถูกกว่าแล้ว , ผ่อนคลายโดยเปิดธุรกรรมทางเศรษฐกิจ 60% ขึ้นไป, ยกเลิกยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี นำงบส่วนนี้ราว 600 กว่าล้านบาทช่วยผู้เดือดร้อนรวมถึงเตรียมแผนฟื้นฟูหลังพ้นวิกฤตและเปลี่ยนสิธีจัดสรรงบประมาณใหม่ เน้นการศึกษาและสาธารณสุข ลดงบด้านการทหารเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์โลกปัจจุบันและอนาคต ตลอดจน การปรับปรุงระบบราชการให้ประชาขนเข้าถึงได้ผ่านระบบออนไลน์

แนะรัฐบาลกู้แบงก์ชาติฟื้นฟูหลังวิกฤต

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่า การจะใช้เงินกู้ 4 แสนล้านบาท ฟื้นฟูหลังวิกฤตไม่น่าจะเพียงพอ อาจต้องใช้ถึง 4 ล้านล้านด้วยซ้ำ โดย เสนอให้ปรึกษาเพื่อทำการกู้กัย ธปท.ว่าจะให้รัฐบาลกู้สูงสุดได้เท่าไหร่ ซึ่งอาจแหวกแนวการคิดทางเศรษฐศาสตร์ ที่มองว่ารัฐบาลไม่ควรกู้เงินธนาคารกลาง เพราะอาจจะทำให้เกิดเงินเฟ้อ แต่เห็นว่า จำเป็นและในอนาคตเงินเฟ้อจะมีน้อย โดยควบคุมไม่ให้เกินเพดาน 2 เปอร์เซ็นต์ ต่อปี และระมัดระวังไม่ให้มีการรั่วไหลโดยเฉพาะช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน ก็จะไม่เกิดปัญหาในเรื่องนี้

ส่วนนายชาลี ลอยสูง รองประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย หรือ คสรท.เปิดเผยว่า หลังจาก คสรท.เปิดศูนย์ร้องเรียน 14 แห่งตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน เพียง 2 สัปดาห์ มีแรงงานร้องเรียน 8 แสนกว่าคน ส่วนใหญ่ถูกพักงานและลูกจ้าง ซับคอนแทรคหรือเหมาค่าแรงถูกปลดออก โดยนายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมาย

นายชาลี มองว่านโยบายที่รัฐบาลจะยืมหรือให้นำเงินกองทุนประกันสังคม มาเยียวยาคนว่างงาน โดยให้เข้าเงื่อนไข "เป็นเหตุสุดวิสัย" ตามกฎหมายนั้น มีลักษณะ "หวังดีประสงค์ร้าย" เพราะเปิดช่องว่างให้นายจ้างที่ไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด -​ 19 แต่มีปัญหาทางธุรกิจของตัวเองไม่ต้องรับผิดชอบในการปลดคนงาน แต่โยนภาระให้กองทุน พร้อมกันนี้เสนอให้ลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ค่าไฟฟ้าและค่าประปาลง 50 เปอร์เซ็นต์ ไม่น้อยกว่า 6 เดือน

ห่วงรบ.เมินผลักดันภาษีอัตราก้าวหน้ากระทบทุนใหญ่

ขณะที่ นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า เป็นห่วงที่รัฐบาลดึงเจ้าสัวมาแก้ปัญหาเศรษฐกิจช่วงนี้ ซึ่งต้องจับตาว่าจะมีการผลักดันภาษีอัตราก้าวหน้า, การคุมราคาสินค้าที่ทุนใหญ่ผูกขาดหรือการกำหนดราคาในภาวะวิกฤตอย่างไร

นายเมธา ยังย้ำถึงการต้องพักการสมทบประกันสังคม 1 ปี ทั้งในส่วนของนายจ้างและลูกจ้าง เพราะการเลื่อนการ จ่ายสมทบเพียง 3 เดือนไม่ช่วยแก้วิกฤตเนื่องจาก การจะกลับมาประกอบกิจการ ดังเดิมต้องใช้เวลา รวมถึงข้อเรียกร้องเงินประกันสังคม 2.2 ล้านล้านบาทที่ผู้ประกันตนสมทบ มี 1.8 ล้านล้านบาทเป็นเงินสะสมวัยชรา ควรให้ผู้ประกันตนเบิกล่วงหน้าได้ 50 เปอร์เซ็นต์ เพื่อนำมาใช้ผ่านพ้นวิกฤต พร้อมทวงถามส่วนที่ภาครัฐยืมเงินกองทุนประกันสังคมไปซึ่งมีข้อกังขาอยู่ หากเกิดความเสียหายต้องมีผู้รับผิดชอบ