ไม่พบผลการค้นหา
'เพื่อไทย' จัดประชุมวิสามัญ 'แพทองธาร' โชว์วิสัยทัศน์ 'คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน' ลั่นช่วยคนไทยสางหนี้-เพิ่มรายได้ ไม่ต้องย้ายประเทศ เปลี่ยนผู้นำง่ายกว่า เปิด 10 นโยบายขอเป็นรัฐบาลใน 4 ปีสร้างรายได้ หมดหนี้สิน ดันค่าแรง 600 บาทต่อวัน จบ ป.ตรี เงินเดือน 25,000 บ. ด้าน 'ชลน่าน' ย้ำต้องกวาดแลนด์สไลด์เกิน 250 มั่นใจประชาชนเอาชนะอำนาจเงิน

วันที่ 6 ธ.ค. พรรคเพื่อไทยจัดการประชุมใหญ่วิสามัญ ครั้งที่ 1 ปี 2565 ในวาระคัดเลือกบุคคลมาเป็นกรรมการบริหารพรรคแทนตำแหน่งที่ว่างลง หลังจาก ส.ส.แบบแบ่งเขตของพรรค ทยอยลาออกจากตำแหน่งไปแล้วกว่า 10 คน เพื่อให้สามารถทำงานในพื้นที่ในช่วงเลือกตั้งได้อย่างเต็มที่ โดยมี อดีตหัวหน้าพรรค แกนนำพรรค ส.ส. ว่าที่ผู้สมัครฯ และสมาชิกพรรคเพื่อไทย เข้าร่วมงานอย่างล้นหลาม

C8C81C6C-C80F-4817-9E52-45C8856B7ADE.jpeg


เพื่อไทยแพ้ไม่ได้

ในช่วงต้นของการประชุม นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวปาฐกถาพิเศษ โดยประกาศปักธงลงทุกพื้นที่ แลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน ในปี 2566 จะมีการเลือกตั้งครั้งสำคัญที่พรรคเพื่อไทย มีเป้าหมายชนะการเลือกตั้งแบบถล่มทลายแลนด์สไลด์ 250 คน ขึ้นไป และต้องตั้งรัฐบาลพรรคเพื่อไทยให้ได้ หากไม่แลนด์สไลด์ ประชาชนจะตายทั้งเป็นเหมือน 8 ปีที่ผ่านมา

"การเลือกตั้งปี 2562 เราชนะ มาเป็นอันดับ 1 ได้ 136 คะแนน เราชนะแต่เหมือนแพ้ เพื่อไทยแพ้ ประชาชนก็แพ้ไปด้วย ดังนั้น ความหวัง ความต้องการของพี่น้องประชาชน คือพรรคเพื่อไทย"

นพ.ชลน่าน ยกกรณีการเลือกตั้งซ่อมในปี 2565 ที่พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งซ่อม ส.ส. เขต 9 กทม. รวมถึงได้ ส.ก. 20 ที่นั่ง และการเลือกตั้งซ่อมนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ใน จ.ร้อยเอ็ด ที่เพื่อไทยได้รับคะแนนเสียงแบบแลนด์สไลด์ นั่นคือสัญญาณที่ชี้ให้เห็นว่าประชาชนไว้วางใจพรรคเพื่อไทย

ชลน่าน.jpg

"การชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ไม่ใช่ของง่าย แน่นอนเรามีกระแส ความนิยม แต่เขามีกระสุน มีอำนาจรัฐ อำนาจเงิน แต่ผมเชื่อว่ามวลมิตร มวลสมาชิกของพรรคเพื่อไทย ไม่ย่อท้อ เพราะอำนาจแท้จริงอยู่ที่พี่น้องประชาชน เอาชนะกระสุน เอาชนะอำนาจรัฐ อำนาจเงินลงได้"

นพ.ชลน่าน ย้ำว่า 5 เดือนก่อนเลือกตั้ง เวลาเรามีน้อย ดังนั้นทั้ง ส.ส. และว่าที่ผู้สมัครฯ ของพรรค ต้องทำงานอย่างเข้มแข็งอดทน และพรรคเพื่อไทยพร้อมจับมือกับท่านเพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย การรบครั้งนี้เราแพ้ไม่ได้ เพราะประชาชนจะแพ้ด้วย และตกอยู่ในอำนาจเงินอย่างโงหัวไม่ขึ้น เป็นการทำลายระบอบประชาธิปไตยอย่างสิ้นเชิง ต้องชนะเท่านั้นเพื่อนำพาความหวังมาสู่ประชาชน

นพ.ชลน่าน ระบุว่า ว่าที่ผู้สมัครฯ ของพรรคเพื่อไทย ถือเป็นกุญแจดอกสำคัญของชัยชนะ ในฐานะนักรบ ต้องนำนโยบายไปบอกต่อกับประชาชน เพราะประชาชนเชื่อมั่นในว่าที่นายกรัฐมนตรีของพรรค ซึ่งเป็นคนรักประชาชน เข้าใจและเห็นอกเห็นใจประชาชน สามารถนำพานโยบายไปตามเข็มมุ่งสู่การแก้ปัญหาของประเทศชาติได้ เราต้องคิดใหญ่ ทำเป็น ทำให้เห็นเพื่อคนไทยทุกคน

แพทองธาร 189BEF.jpegDDAE586C-E88B-4D46-A01C-920C15183809.jpegแพทองธาร ชลน่าน เพื่อไทย F1DD0C89D7A.jpegแพทองธาร พวงเพ็ชร ชลน่าน เพื่อไทย 4E545AEC.jpegแพทองธาร 1-6D637BD646E4.jpegแพทองธาร 30บาทรักษาทุกโรค 52773552BF.jpeg


วิสัยทัศน์ ประเทศไทย 2570

จากนั้น แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย แสดงวิสัยทัศน์ 'คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน Think Big, Act Smart, For All Thais' ระบุว่า จากการลงพื้นที่สำรวจข้อมูลทำให้พบว่า ประเทศของเราถอยหลังไปมาก และยังไร้ที่ยืนบนเวทีโลก ทั้งในอีกมิติของการเมืองสังคมเศรษฐกิจ ประชาชนมีหนี้สะสมท่วมท้น ไม่รู้จะใช้หมดเมื่อไหร่ 

"ปัญหาในปัจจุบัน ไม่สามารถคิดเล็กๆ ได้ จึงจำเป็นต้องคิดใหญ่ เพื่อแก้ปัญหาใหญ่ และต้องทำให้เป็น ถ้ามัวแต่แก้ปัญหาเฉพาะหน้าเหมือนในปัจจุบันจะเห็นว่า ปัญหาจะมีแต่เพิ่มมากขึ้น ไม่ได้ลดลง"

แพทองธาร ได้แสดงวิสัยทัศน์ของอนาคต หลังพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลมาแล้ว 4 ปี ในปี 2570 ประเทศไทยได้พัฒนาสิ่งใดไปแล้วบ้าง ในด้านเศรษฐกิจ ยึดหลักลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส การรดน้ำที่รากจะทำให้ต้นไม้เติบโต แม้น้ำจะมีจำกัด รวมทั้งการใช้ Soft Power เพื่อส่งเสริมให้ 1 คนต่อ 1 ครอบครัว ได้บ่มเพาะทักษะ เพื่อเปิดโอกาสสู่อาชีพใหม่ๆ

"ในปี 2570 คนไทยต้องได้ค่าแรงให้สมกับความเป็นมนุษย์ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี 600 บาทต่อวัน นักศึกษาปริญญาตรีต้องมีรายได้เริ่มต้น 25,000 บาทต่อเดือน และเราจะช่วยประชาชนล้างหนี้ให้หมดไป เพิ่มโอกาสให้คนที่กำลังสร้างเนื้อสร้างตัว ให้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งทุนได้มากขึ้น สร้างกติกาการแข่งขันที่เท่าเทียมกัน และเปิดทางให้ธุรกิจได้มีพื้นที่สร้างสรรค์ เช่น สุรา เบียร์"

นำนวัตกรรมและเทคโนโลยี มาช่วยพัฒนาการทำงานของเกษตรกร ให้มีผลผลิตมากขึ้น แต่เหนื่อยน้อยลง และใช้ตลาดนำการผลิต ไม่ต้องคาดเดาว่าควรปลูกอะไร หรือจะขายได้หรือไม่ มุ่งพัฒนาให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของนวัตกรรมแห่งอาเซียน ใช้ระบบ Central Digital Currency เพื่อแก้คอร์รัปชัน และพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ให้ประชาชนเข้าถึงโดยสะดวก

ในปี 2570 พรรคเพื่อไทยจะยกระดับ 30 บาทรักษาทุกโรค เป็นประกันสุขภาพถ้วนหน้า บัตรประชาชนใบเดียว สามารถรักษาฟรีได้ทั่วประเทศ เก็บข้อมูลผู้ป่วยไว้ในส่วนกลางและเข้าถึงได้ทุกที่ จองคิวล่วงหน้า รักษาได้ใกล้บ้านด้วยระบบแพทย์ทางไกล Telemedicine รวมถึงการฉีดวัคซีนปากมดลูกฟรี และการตรวจไวรัสตับอักเสบฟรีตั้งแต่เนิ่นๆ

"ด้านยาเสพติด เพื่อไทยมาแล้ว ยาเสพติดต้องหมดไป เรากับยาเสพติดไม่ถูกกัน จะต้องผลักดันนโยบายปราบปรามยาเสพติดอย่างเป็นระบบ ควบคู่กับหารช่วยรักษาบำบัดผู้ที่เสพไปพร้อมกัน" แพทองธาร กล่าว

แพทองธาร ยังนำเสนอนโยบายการลงทุนในระบบราง ด้วยการสร้างรถไฟรางคู่ ความเร็ว 160 กม./ชม. เพื่อลดเวลาเดินทาง รถไฟความเร็วสูงจากจีนมาไทยมุ่งไปยังสิงคโปร์ ต้องเกิดขึ้นจริง ไปจนถึงนโยบายตั๋วร่วมรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายทุกเส้นทาง สามารถเกิดขึ้นได้ก่อนปี 2570 แน่นอน

"ในปี 2570 กติการัฐธรรมนูญจะเป็นประชาธิปไตยอย่างเต็มใบนายกจะถูกเลือกจากผู้แทนราษฎรที่มาจากประชาชน กระจายอำนาจการบริหารจากส่วนกลางสู่ท้องถิ่นมากขึ้น ควบคุมเม็ดเงินต่างๆ ที่ได้จากภาษีประชาชน ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ชั้นสูง เพื่อตามหาเม็ดเงินที่ถูกเบียดบังไป และให้มั่นใจว่าภาษีที่ประชาชนจ่าย ได้กลับไปสร้างความสุขความเจริญให้พี่น้องประชาชน ทุกบาท ทุกสตางค์"

"เราไม่ต้องย้ายประเทศแล้ว เราแค่มาร่วมใจกัน เปลี่ยนผู้นำง่ายกว่า เราจะมาร่วมกันพลิกประเทศ การเมืองที่มีเสถียรภาพเท่านั้นที่จะทำให้เราทวงคืนหนึ่งทศวรรษที่เราเสียไปกลับคืนมา มาร่วมกันคิดใหญ่ ทำให้เป็นจริงได้ ด้วยการเลือกพรรคเพื่อไทย ทั้งคน และพรรค" แพทองธาร ทิ้งท้าย

เพื่อไทย ค่าแรง แพทองธาร

เปิด 10 นโยบายพลิกฟื้นประเทศ ปี 2570 โดยรัฐบาลเพื่อไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับแคมเปญรณรงค์ของพรรคเพื่อไทย ที่ แพทองธาร ได้นำมาแสดงวิสัยทัศน์โดยเปลี่ยนจาก ‘พรุ่งนี้เพื่อไทย’ เป็น ‘คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน’  นั้นได้วาง 10 นโยบายพลิกฟื้นประเทศภายใน 2570 หากพรรคเพื่อไทยได้บริหารประเทศนาน 4 ปี ที่ผ่านมา ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ให้กับประชาชน คนไทยจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลง ดังนี้

1.นโยบายเศรษฐกิจ หลักการบริหารประเทศของพรรคเพื่อไทยคือ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และขยายโอกาส ยังคงถูกต้องและยึดเป็นแนวทางเสมอมาและตลอดไป จากปี 2566 จนถึงปี 2570 พรรคเพื่อไทยทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของประเทศเติบโตอย่างต่ำเฉลี่ยร้อยละ 5% ต่อปี ช่องว่างความเหลื่อมล้ำจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะพรรคเพื่อไทยจะใช้แนวคิด “รดน้ำที่ราก” เพื่อให้ต้นไม้งอกงามได้ทั้งต้น ทั้งที่น้ำมีจำกัด 

รากแก้วที่สำคัญคือครอบครัว เราจะใช้ซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) เป็นพลังขับเคลื่อน โดยการดึงศักยภาพของอย่างน้อย 1 คนในทุกครอบครัว ให้ได้รับโอกาสในการอบรม บ่มเพาะทักษะสร้างสรรค์ที่มีความถนัดให้ดีขึ้นโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ทำได้ตั้งแต่ระดับอำเภอ จังหวัดจนถึงระดับประเทศ ในสถาบันอาชีวะทั้งรัฐและเอกชนกว่า 800 แห่ง เมื่อเห็นศักยภาพที่เด่นชัดจะได้รับการสนับสนุนทุนการศึกษาไปฝึกอบรมทักษะระดับโลกต่อในต่างประเทศ

ทักษะสร้างสรรค์ Soft Power ด้านต่างๆ เช่น เชฟทำอาหาร นักออกแบบ แฟชั่นดีไซเนอร์ นักร้อง นักแต่งเพลง คนเขียนบท ยูทูบเบอร์ นักสร้างคอนเทนท์ นักออกแบบมัลติมีเดีย นักกีฬา หรือสปาเทอราปิสต์ จะทำให้มีรายได้คนละไม่ต่ำกว่า 200,000 บาทต่อปี ประเทศไทยมี 20 ล้านครอบครัว สามารถสร้างงานทักษะสูงได้ 20 ล้านตำแหน่ง และมีรายได้รวมกันถึงปีละ 4 ล้านล้านบาท และในปี 2570 คนไทยต้องได้ค่าแรงขั้นต่ำให้สมกับศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคนไทย คือ ไม่ต่ำกว่า 600 บาทต่อวัน เงินเดือนของผู้จบการศึกษาระดับปริญญาตรี อยู่ที่ 25,000 บาทขึ้นไป 

พรรคเพื่อไทยจะสร้างแนวทางหารายได้ใหม่ให้กับประชาชนด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่คู่ขนานไปกับรายได้ดั้งเดิม จึงแก้ปัญหาหนี้สินของประชาชนที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ เพราะพรรคเพื่อไทย ‘ไม่ใช่แค่พักหนี้’ แต่ ‘ล้างหนี้’ จนหมดสิ้น 

พรรคเพื่อไทยจะเปิดโอกาสให้คนที่ต้องการสร้างเนื้อสร้างตัว หรือวิสาหกิจชุมชนที่กำลังเติบโต สามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้หลากหลายด้วยดอกเบี้ยต่ำ มีกองทุนหมู่บ้านที่ขยายบทบาทมากขึ้น กองทุนร่วมทุน และการระดมทุนแบบ crowdfunding ส่งเสริมการแข่งขันพัฒนาธุรกิจของขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ด้วยการอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจทุกขั้นตอนแบบ one stop service , สร้างกติกาการแข่งขันที่เสรีและเท่าเทียม ทลายการผูกขาดในธุรกิจและอุตสาหกรรมที่กีดขวางความคิดสร้างสรรค์ของรายเล็กรายย่อย เช่น สุรา เบียร์ ไวน์ผลไม้ 

2.นโยบายด้านการเกษตร ในปี 2570 พรรคเพื่อไทยนำเทคโนโลยีทางการเกษตรหรือ Agritech มาใช้ เช่น เทคโนโลยีเกษตรแม่นยำ (Precision Agriculture) ใช้ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI มาช่วยในการเกษตร มีการปรับปรุงหน้าดิน และใช้ปุ๋ยเท่าที่จำเป็น เกษตรกรจะมีรายได้มากขึ้น แต่เหนื่อยน้อยลง ใช้การตลาดนำการผลิต ไม่มีการทำการเกษตรแบบไร้เป้าหมาย สินค้าการเกษตรต้องขึ้นยกแผง มีการนำสินทรัพย์ดิจิทัล (NFT) มาใช้ในการขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า ให้ต่างชาติมาช่วยเสริมสภาพคล่องให้เกษตรกรอีกทางหนึ่ง ราคาพืชผลเกษตรจึงขึ้นยกแผงทุกตัว เพราะเคยทำมาแล้ว และจะทำต่อไป

3.นโยบายด้านการท่องเที่ยว ในปี 2570 มีนักท่องเที่ยวมาเยือนไทยจำนวนมาก รายได้จากการท่องเที่ยวสูงถึง 3 ล้านล้านบาทต่อปี การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของไทยได้รับความนิยมจากทั่วโลก เทศกาลของไทย 2 เทศกาลคือ สงกรานต์ในเดือนเมษายน และลอยกระทงในเดือนพฤศจิกายนเป็นเทศกาลระดับโลกที่นักท่องเที่ยวปักหมุดไว้ในปฏิทิน ประเทศไทยน่าอยู่สำหรับชาวต่างชาติและคนไทย

4.นโยบายด้านนวัตกรรม พรรคเพื่อไทยสร้างโครงข่ายในการเก็บบัญชีธุรกรรมออนไลน์ (Blockchain) ของไทยเอง ที่เป็นช่องทางในการขายสินค้าเกษตร รวมทั้งสินทรัพย์ที่เกิดจากซอฟต์พาวเวอร์ ตลอดจนเป็นช่องทางเงินทุนให้กับนักธุรกิจรายย่อย ไม่ว่าจะเป็น Start up หรือ SME 

นอกจากนั้น พรรคเพื่อไทยยังส่งเสริมงานวิจัยอย่างจริงจัง จนทำให้ในปี 2570 ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางด้านนวัตกรรมของ Asean มีการใช้เงินสกุลดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง (CBDC : Central Bank Digital Currency) แทนเงินสด ป้องกันการคอร์รัปชันในการเมืองแบบ ‘ลิงกินกล้วย’ ทุกวันนี้ได้เป็นอย่างดี ประชาชนทุกคนมีบัญชีธนาคาร และมีกระเป๋าเงินดิจิทัล (Digital Wallet) ของตนเอง

รัฐบาลกลายเป็นรัฐบาลดิจิทัลเต็มรูปแบบ การเข้าถึงบริการของรัฐทำได้ง่าย สะดวก ทุกหมู่บ้านของประเทศไทยมีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง สถานที่สาธารณะทุกแห่งมี WiFi ฟรี

5.นโยบายด้านสาธารณสุข ในปี 2570 หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือ 30 บาทรักษาทุกโรคถูกอัพเกรด หรือยกระดับขึ้น สามารถรักษาได้ทั่วประเทศ ประชาชนสามารถใช้บัตรประชาชนเพียงใบเดียว รับการรักษาได้ทั่วประเทศโดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพราะข้อมูลสุขภาพถูกเชื่อมไว้บนศูนย์ข้อมูล หรือ Cloud เมื่อเจ็บป่วย ผู้ป่วยเพียงยื่นบัตรประชาชนแล้วอนุญาตให้แพทย์ผู้รักษาเข้าถึงข้อมูลการรักษาได้ 

ในปี 2570 ผู้ป่วยโรคทางจิต เช่น โรคซึมเศร้า หรือโรคทางกายอื่นๆ ที่ต้องการขอคำปรึกษากับแพทย์เฉพาะทางได้รับการรักษาที่ศูนย์สาธารณสุขหรือโรงพยาบาลใกล้บ้าน ไม่จำเป็นต้องเดินทางไกล เพราะแพทย์เฉพาะทางให้คำปรึกษาผ่านระบบทางไกลหรือ Telemedicine ได้ การนัดคิวตรวจเป็นเรื่องปกติของโรงพยาบาลทุกแห่ง ผู้ป่วยไม่ต้องไปโรงพยาบาลแต่เช้ามืด ผู้ป่วยที่ต้องเจาะเลือดตรวจโรค ก็สามารถทำได้ที่คลินิกหรือศูนย์สาธารณสุขใกล้บ้าน 

ผู้ป่วยติดเตียงและผู้ป่วยในระยะสุดท้ายของชีวิต ได้รับการดูแลจากผู้ช่วยพยาบาลทั้งที่บ้านและที่ศูนย์ชีวาภิบาล (Hospice) ของรัฐและเอกชนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ลูกหลานยังสามารถไปประกอบอาชีพได้ตามปกติ ไม่ต้องลางาน

การสาธารณสุขเชิงรุก เช่น การฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกฟรีในเด็กหญิงอายุ 9-11 ปี และฉีดวัคซีนให้ผู้หญิงที่ยังไม่ติดเชื้อไวรัสเอชพีวี (HPV : Human Papilloma Virus) อีกทั้งยังตรวจและรักษาไวรัสตับอักเสบ-ซี ซึ่งโรคดังกล่าวจะเป็นการป้องกันมะเร็งตับที่เป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 ของมะเร็งในผู้ชาย

ปี 2570 โรงพยาบาลของรัฐถูกกระจายอำนาจในรูปแบบองค์การมหาชนที่ท้องถิ่นและชุมชนมีส่วนร่วมในการบริหารโรงพยาบาล มีการจัดสรรบุคลากรทางการแพทย์ตามปริมาณงาน และเกิดการลงทุนครั้งใหญ่ในการพัฒนาอุปกรณ์การแพทย์ให้ทันสมัยในทุกระดับตั้งแต่ตำบลถึงมหานคร รวมทั้งมีการฝึก อ.ส.ม. ให้เป็นพยาบาลระดับต้น ประจำทุกหมู่บ้าน ส่วนในกรุงเทพมหานคร มีโรงพยาบาลประจำเขตทั้ง 50 เขต 

6. นโยบายด้านการศึกษา ในปี 2570 มีการกระจายอำนาจการศึกษาเหมือนในประเทศที่เจริญแล้ว มีโรงเรียน 2 ภาษาในทุกท้องถิ่น ซึ่งสอนภาษาต่างประเทศเช่น ภาษาอังกฤษและภาษาจีน ตั้งแต่ ป.1 มีการเรียนการสอนทั้งในห้องเรียนและออนไลน์ โดยใช้ครูต่างประเทศมาสอนเสริมร่วมกับครูไทย มีศูนย์การเรียนรู้แบบ TCDC และ TK Park ที่เริ่มต้นสมัยไทยรักไทย ให้ครบทุกจังหวัด

แพทองธาร ชลน่าน เพื่อไทย A23DA431.jpeg

7.นโยบายด้านยาเสพติด พรรคเพื่อไทยมาแล้ว ยาเสพติดต้องหมดไป ‘ยาเสพติดกับเพื่อไทยอยู่ร่วมกันไม่ได้’ จะปราบปรามยาเสพติดเต็มรูปแบบ เด็กไทยตกเป็นทาสยาเสพติด ทำร้ายคนในครอบครัวและผู้อื่นอีกมากมาย และจะบำบัดผู้เสพอย่างทั่วถึงควบคู่กันไปกับการปราบปราม

8.นโยบายด้านโครงสร้างพื้นฐาน ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง จะถูกแก้ไขทั้งระบบทั่วประเทศ มีการสร้างคลองน้ำเพื่อเชื่อมแม่น้ำหลักเข้าหากัน และมีอ่างเก็บน้ำเป็นแก้มลิงตามเส้นทางน้ำสายหลัก เพื่อให้การระบายน้ำมีประสิทธิภาพ มีการสำรวจสิ่งก่อสร้างที่ขวางทางน้ำไหล โดยเฉพาะถนน แล้วเปิดทางเพื่อให้น้ำไหลลงแม่น้ำสายหลักตามหลักแรงโน้มถ่วงโลก ดังที่เคยทำในจังหวัดอุดรธานี ซึ่งทำให้น้ำไม่ท่วมมา 20 ปีแล้ว รวมถึงทำทางน้ำหลาก หรือฟลัดเวย์และทางผันน้ำ เพื่อระบายน้ำลงทะเลให้เร็วขึ้นทั้งสองฝั่งเจ้าพระยา

รัฐบาลพรรคเพื่อไทยป้องกันน้ำทะเลหนุนไม่ให้ท่วมกรุงเทพฯ ด้วยการถมทะเลด้านบางขุนเทียนจนถึงสมุทรปราการ สมุทรสาคร และเกิดแผ่นดินงอกจำนวนมาก ซึ่งนอกจากป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพฯ ได้แล้ว ยังลดความแออัดของกรุงเทพฯ ที่สำคัญคือ ยังสามารถเอาที่ดินงอกนี้ มาทำเขตเศรษฐกิจพิเศษที่เป็นศูนย์กลางของนวัตกรรมดึงดูดรายได้จากต่างประเทศเข้าสู่ประเทศไทย

9.นโยบายด้านการคมนาคมและขนส่งมวลชน ในปี 2570 ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาค มีการลงทุนในระบบรางครั้งใหญ่ สร้างรถไฟรางคู่ในทุกเส้นทาง ทำให้รถไฟวิ่งได้ 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จากที่เคยใช้เวลา 10 ชั่วโมงเหลือเพียง 5 ชั่วโมงเท่านั้น เส้นทางรถไฟสายใหม่ถูกสร้างขึ้นไปถึงจุดหมายสำคัญ เช่น เชียงราย เชียงของ มุกดาหาร นครพนม ภูเก็ต ส่วนรถไฟความเร็วสูงสร้างจากจีนลงมาถึงไทยแล้วต่อยาวไปถึงสิงคโปร์ เกิดขึ้นแน่นอน

รถไฟฟ้าสายต่างๆในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลถูกจัดระเบียบใหม่ เพื่อใช้ระบบตั๋วร่วม 20 บาทตลอดสายได้ก่อนปี 2570 แน่นอน สนามบินสุวรรณภูมิ จะขยายพื้นที่รองรับผู้โดยสารมากขึ้นจาก 45 ล้านคน เป็น 100 ล้านคน 

10.นโยบายด้านพลังงาน โครงสร้างราคาพลังงาน ถูกปรับรื้อตั้งแต่ปี 2566 ค่าน้ำมัน ค่าแก๊ส ค่าไฟ ลดลงทันที จะรณรงค์และส่งเสริมพลังงานแสงอาทิตย์ในระดับครัวเรือน ทำให้ลดการพึ่งพาน้ำมันลง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง