ไม่พบผลการค้นหา
นายกฯ ลุกโต้ฝ่ายค้านไม่รู้จัก ไม่จำเป็นต้องเสียเงินใช้ 'เพกาซัส' สอดแนมข้อมูล ลั่นไม่ให้ค่าคนที่อยู่เบื้องหลัง สวนบางพรรคอ้างเรื่องสิทธิมนุษยชน เชื่อคนไทยมองออก ไม่ยอม ปลุุกในสถานศึกษาให้เปลี่ยนแปลงทำลายล้างระบบ ด้าน ‘ชัยวุฒิ’ ปัดบอกมี ‘เพกาซัส’ ในไทย แต่พูดว่าศึกษาอยู่ ซัดฝ่ายค้าน อย่าบิดเบือน

เมื่อเวลา 12.45 น. วันที่ 22 ก.ค. 2565 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีรายบุคคล จำนวน 11 คน เป็นวันที่สี่ ซึ่งเป็นการอภิปรายวันสุดท้าย โดยช่วงเช้า ส.ส.พรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกลได้อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ลุกขึ้นชี้แจงครั้งแรกในวันเดียวกันนี้ ว่า การจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ได้ชี้แจงไปหลายครั้งแล้ว ซึ่งมีเหตุผล สรุปให้เท่าไหร่ก็เท่านั้นผ่านก็ผ่าน ไม่ผ่านก็ไม่ ซึ่งอะไรที่เร่งด่วนหรือไม่เร่งด่วน ก็ชี้แจงไปแล้วหากท่านไม่เร่งด่วนก็ไม่ว่าอะไร 

ส่วนเรื่องการชุมนุมและมาอ้างว่าตนใช้อำนาจของนายกฯ รมว.กลาโหม เพื่อป้องกันผู้เห็นต่าง ตนขอถามที่ผิดกฎหมายมันเป็นกฎหมายปกติหรือเปล่า ซึ่งตนให้นโยบายมาต่อเนื่องว่าให้ใช้กฎหมายโดยระมัดระวังอะไรเตือนได้ก็เตือน โดยเฉพาะเยาวชนอาจได้รับข้อมูลที่ผิดเพี้ยนไป ที่มีการไปพูดคุยกับผู้ปกครองเพื่อไม่ต้องการให้อยู่ท่ามกลางอันตรายและถูกดำเนินคดี ส่วนการดำเนินคดีก็เป็นเรื่องของศาล ตนไม่เคยไปใช้อำนาจก้าวล่วง ฉะนั้นขอให้ระวังด้วยในการละเมิดอำนาจศาล 

เรื่องการชุมนุุมการใชอำนาจนายกฯ และรมว.กลาโหม เพื่อดำเนินการผู้เห็นต่าง ตนถามว่ากฎหมายที่ดำเนินการเป็นกฎหมายปกติหรือเขียนมาใหม่หรือไม่ ดังนั้น สิ่งต่างๆ ตนได้ให้นโยบายมาตลอดให้ระวังการบังคับใช้กฎหมาย อะไรแจ้งเตือนก็แจ้งเตือนกับกลุ่มเยาวชน ได้พูดคุยผู้ปกครอง เพื่อไม่ให้อยู่ในอันตรายถูกดำเนินคดี ส่วนการดำเนินคดีเป็นเรื่องศาลยุติธรรม เรื่องเยาวชนก็ศาลเยาวชน

"ผมไม่เคยใช้อำนาจก้าวล่วงศาลทั้งสิ้น กรุณาระวังด้วยนะครับ การจะละเมิดอำนาจศาล สิ่งที่ท่านบอกละเมิดสิทธิมนุษยชน ผมคิดว่าผมให้เกิน 100% ไปแล้ว กฎหมายหลายตัวมีอยู่ ผมก็จะผ่อนหนักผ่อนเบา"

ประยุทธ์ อภิปรายไม่ไว้วางใจ ประชุมสภา   33-8A0C2C3CF0EF.jpeg

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ผมไม่เข้าใจว่าทำไมการเคลื่อนไหวเหล่านี้เกิดในช่วงเวลาที่มีรัฐบาลในช่วงนี้และมีพรรคการเมืองบางพรรคช่วงนี้ ผมคิดว่าเป็นอันตรายที่สุด ผมคิดว่าคนไทยทั้งประเทศคงมองออก การพูดจาในโรงเรียน ในมหาวิทยาลัยต่างๆ เหล่านี้เพื่อทำลายล้างระบบของเราทั้งหมด เพื่อเปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งหมด ผมคิดว่าคนไทยคงไม่ยอม จะมาโทษเจ้าหน้าที่โน่นทำนี่ไม่ได้ เพราะท่านเป็นคนเริ่มทำเอง กฎหมายไม่ได้กำหนดขึ้นมาใหม่"

นายกฯ ระบุอีกว่า เรื่องสิทธิมนุษยชนตนมีของตนเอง ท่านก็มีของท่าน ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันหมด ตนอาจต้องรับผิดชอบมากหน่อยแต่ไม่สามารถอ้างว่ามากกว่าคนอื่นได้ แต่อย่าละเมิดซึ่งกันและกัน แต่อะไรที่ทำให้เกิดความเสียหายกับตนก็ต้องรักษาสิทธิของตัวเอง อันนี้ไม่ได้ขู่เป็นเรื่องกฎหมาย ซึ่งท่านอาจไม่สนใจเท่าไหร่เพราะใช้คำพูดรุนแรงพอสมควรในสภานี้ ซึ่งตนพยายามอดทนเต็มที่อยู่แล้ว

ส่วนการพาดพิงบุคคลภายนอกตนไม่อยากให้เกิดขึ้นเพราะทำให้เกิดความเสียหายอาจจริงบ้างจริงหรือเปล่าก็ไม่ทราบ แต่ทุกคนต้องเคารพกฎหมาย ไม่ใช่คนที่จะไปสั่งการเจ้าหน้าที่ให้ไปจับคนนี้คนนู้นถ้าไม่มีเหตุการณ์ที่ไม่มีเรื่องไม่มีหลักฐานเขาทำไม่ได้หรอก การฟ้องศาล ตนไปบิดเบื่อคงไม่ได้ ก็ขอร้องจะอยู่หรือไม่อยู่เบื้องหลังก็ตาม ซึ่งตนอยากเตือนไว้เท่านั้นเอง ผมไม่ได้จ้องใครทั้งสิ้น ท่านทำอะไรต้องรับผิดชอบสิ่งที่ทำ เหมือนตนทำอะไรก็รับผิดชอบมาตอบ มาฟัง มาพูด และไม่เคยหยาบคายกับท่านสักคำ ไม่เคยมีกริยาที่ก้าวล่วงกันเลย

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีมีการนำภาพตนมาเปรียบเทียบพอไปต่างประเทศไม่ได้รับการต้อนรับ ว่า ภาพที่เห็นนำมาประกอบกันทั้งสิ้น "ภาพที่ผมไม่ได้รับการทักทายพูดจา ผมยืนท่ามกลางคนคุยกันแล้วผมยืนเฉยๆ และหาว่าคนไม่คุยกับผม ผมว่าไม่ใช่ อันนี้ไม่ต้องมาเถียงผม ไปขอข้อมูลกระทรวงการต่างประเทศได้ ผมไม่อยากเอาภาพมาโฆษณาตัวเอง เพราะถ้าท่านไม่เคยไป ไม่เคยเป็นอย่ามาว่าผม เอาไว้ให้เป็นก่อนค่อยทำให้ดีที่สุดแล้วกัน"

ส่วนเรื่อง กยศ. ตนไม่ได้ทำบายระบบและได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำคนที่ออกไปนอกระบบการศึกษากลับเข้ามา ส่วนหนี้ กยศ. เผยว่ามีคนเงินเดือนเป็นแสนไม่จ่ายก็มี ซึ่งตนก็ไม่เข้าใจ 

ช่วงหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงเรื่องที่ถูกอภิปรายว่ารัฐบาลใช้สปายแวร์ เพกาซัส เพื่อสอดแนมข้อมูลนักการเมืองและประชาชน ว่า "ผมไม่รู้จัก ท่านก็ว่าผมไม่ฉลาดอยู่แล้วนี่ ผมไม่มีความจำเป็นที่ต้องไปเสียเงินงบประมาณเพื่อมาตามเรื่องแบบนี้ เปิดดูในโซเชียลฯ ก็เห็นใครเป็นคนทำ มาจากไหนใช้งบเท่าไหร่ มีคณะทำงานไรบ้าง ผมยังไม่ทำอะไรเลย"

"ผมไม่ให้ค่ากับคนเหล่านี้อยู่แล้วไอคนที่อยู่เบื้องหลัง คนที่ไม่รู้เรื่องผมเห็นใจ คนที่แพร่ต่อผมเห็นใจ เพราะเขาไม่เข้าใจ แต่คนต้นเรื่องมีกระบวนการอยู่ ก็เป็นเรื่องกฎหมายก็ว่ากันไป"

นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ไม่ใช่เวลามาทะเลาะกัน ตนไม่ต้องการทะเลาะกับท่าน ถึงแม้จะไล่ตนยังไงก็ตามก็ขึ้นอยู่กับมติกับประชาชน

"ผมไม่ใช่คนเขียนรัฐธรรมนูญ ผมสั่งใครไม่ได้อยู่แล้วเป็นเรื่องของคณะร่างรัฐธรรมนูญการเอาหนังสือพิมพ์มาอ่าน ผมรับไม่ได้ ดังนั้นเป็นข้อมูลที่ต้องตรวจสอบ และหลายครั้งผมเตือนไปแล้วอย่าละเมิดสิทธิส่วนตัวของผมและครอบครัวผม

พล.อ.ประยุทธ์ ระบุช่วงท้ายว่า "ถ้าพูดถึงเงินไม่พอเป็นหนี้เป็นสินไม่เติมเงินตรงนี้ กยศ. ไปเก็บเงินจากคนที่ใช้ประโยชน์สิครับที่เป็นหนี้อยู่นี่ ที่ผมใช้หนี้อยู่นี่ กี่แสน แล้วยังไม่ได้นับอีกหลายคดี เอามารวม ผมจะให้ กยศ.เต็มเม็ดไปเลย ขอบคุณครับสวัสดีครับ"

ประยุทธ์ อภิปรายไม่ไว้วางใจ ประชุมสภา -49AE-A153-4D7563E02A26.jpeg


ชัยวุฒิ อภิปรายไม่ไว้วางใจ -1745-43E1-B9C8-6BAEA71A4FB3.jpeg

‘ชัยวุฒิ’ ปัดบอกมี ‘เพกาซัส’ ในไทย แต่พูดว่าศึกษาอยู่’ ซัดฝ่ายค้าน อย่าบิดเบือน

จากน้ัน ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ลุกขึ้นใช้สิทธิพาดพิงหลัง ปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ่และรมว.กลาโหม อ้างว่า "ไม่รู้ว่ามี ‘เพกาซัส’ แต่ท่านชัยวุฒิ ได้ยอมรับว่ามีจริง แต่ทางกระทรวงดีอีเอสไม่ได้เป็นคนทำ เรื่องนี้มั่ว ตกลงอยู่ ครม. เดียวกันหรือเปล่า"

โดย ชัยวุฒิ ชี้แจงว่า เห็นในโซเชียลมีเดียหลายช่องทางที่มีคนปั่นกันมากมายว่า ตนยอมรับว่ามีการใช้สปายแวร์ ‘เพกาซัส’ ซึ่งเมื่อตนมาย้อนดูคลิปที่ตนชี้แจงเมื่อวันที่ 19 ก.ค. ที่ผ่านมานั้น ตนไม่ได้พูดว่ามี แต่พูดว่าศึกษาอยู่ และทราบว่ามีระบบนี้ ใช้ในเรื่องความมั่นคง และยาเสพติด การก่อการร้าย ไม่ได้พูดว่ามีในราชการไทย แต่เคยเห็นได้ยินอยู่ และยืนยันว่าในส่วนที่รัฐบาลทำไม่มี เพราะอำนาจตามกฎหมายไม่มี แต่คนบางกลุ่มไปบิดเบือนว่าตนยอมรับว่ามี 

“อย่าไปบิดเบือนให้เกิดความสับสน ไปพูดเรื่องสร้างสรรค์ และเป็นประโยชน์เสียดีกว่า” ชัยวุฒิ กล่าว 

นอกจากนี้ ชัยวุฒิ ยังได้ประท้วง ศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ คนที่สอง ในฐานะประธานที่ประชุมว่า ตนฟังการประชุมมาหลายครั้ง ท่านนายกฯ ไม่ได้พาดพิงทั้ง ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย และปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล แม้ว่าท่านนายกฯ ไม่ได้ตอบในสิ่งที่ท่านอยากฟัง หรือตอบไม่ตรงใจ แต่การอภิปรายมันจบไปแล้ว มันไม่ใช่การพาดพิง ควรจะดูข้อบังคับให้ดีกว่านี้ ใช้สิทธินี้ทำ ท่านนายกฯ ก็เสียหายไปด้วย

ด้าน ศุภชัย กล่าวตอบว่า การใช้สิทธิพาดพิงเป็นสิทธิ์ของ ส.ส. เวลา ส.ส. ลุกขึ้นและชูมือเหนือศีรษะก็ต้องให้สิทธิ์ แต่เมื่อประธานฟังแล้วไม่ได้เสียหายก็ได้วินิจฉัยไปแล้ว 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง