วันที่ 3 พ.ย. ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 2 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) ได้มีการตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจา เกี่ยวกับมติ ครม. ออกกฎกระทรวงว่าด้วยการได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช่เป็นที่อยู่อาศัย ให้ชาวต่างชาติหรือต่างชาตินำเงินมาลงทุน 40 ล้านบาท แลกกับถือครองที่ดินได้ 1 ไร่
สุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ระบุว่า การออกกฎกระทรวงดังกล่าวได้สร้างความวิตกกังวลให้ประชาชนไปทั่ว ในขณะท่ประชาชนไทยไม่ต่ำกว่า 80% ยังไม่มีที่ดินของตนเอง ความเหลื่อมล้ำทางที่ดินยังสูง จนเกิดวิตกว่าเป็นการขายชาติหรือไม่
จึงขอถามว่า ครม. มีสาเหตุหนักหนาสาหัสใดต้องมีมตินี้ออกมา ในอดีตรัฐบาลช่วงปี 2542 กีมีกฎหมายขายชาติในทำนองเดียวกันออกมาถึง 11 ฉบับ แต่เป็นเพราะถูกบังคับด้วยเงื่อนไขของหนี้ IMF และทำด้วยความรัดกุม แต่ในปัจจุบันสถานการณ์เศรษฐกิจมีความจำเป็นถึงขั้นที่ต้องทำเช่นนี้แล้วหรือ
ทั้งนี้ สุทิน ยังเห็นว่า หากสาเหตุของการแก้กฎกระทรวงคือมุ่งหวังทั้งทุนทรัพย์ และผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ แต่มาตรการกำหนดให้ลงทุนและถือครองที่ดินได้โดยง่าย จะเป็นเหตุให้ได้เพียงเงินเท่านั้น แต่ความสามารถที่มุ่งหวังอาจจะไม่ได้
“ในการนี้ ไม่ว่าท่านจะเจตนาหรือไม่ก็ตาม เห็นได้ชัดว่าคนที่จะได้ผลระโยชน์คือกลุ่มทุนที่ทำอสังหาริมทรัพย์ในเขตเมือง ที่แลเห็นแล้วว่าห้องชุดขายดี จึงเอาที่ดินขายบ้าง ดังนั้น บ้านพร้อมที่ดินได้รัยผลประโยชน์ตรงๆ ผมดูมาตรการท่านแล้ว เชื่อว่าท่านไม่ได้ต้องการผู้เชี่ยวชาญหรอก ท่านมีเจตนาเอื้อกลุ่มทุนใหญ่ ที่มีอสังหาริมทรัพย์และที่ดินจำนวนมาก คนเสียคือชาวบ้าน” สุทิน ระบุ
สุทิน ยังกล่าวว่า คงไม่มีใครเจตนาจะขายชาติ แต่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของสังคมได้ในทางตรงหรือโดยบังเอิญก็ตาม เพราะภูมิปัญญาในการบริหารจัดการที่ไม่ถึง อาจจะมาเสียใจภายหลังได้ อ้างว่าต่างชาติก็มีแนวทางเช่นนี้ แต่ไม่ได้เปรียบเทียบความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจที่ไทยอ่อนแอกว่าต่างประเทศ ไม่มีฝรั่งยอมเป็นนอมินีให้คนไทย แต่คนไทยยอมเป็นนอมินีให้ต่างชาติเยอะ
“เงิน 40 ล้านของคนต่างชาตถือว่าน้อยมาก เกิดเขารวมกันมาสักร้อยพันคน ก็เป็นกี่ไร่ สุดท้ายลูกหลานคนไทยจะได้ซื้อที่ดินแพงขึ้น เข้าถึงที่ดินได้ยาก ความมั่นคงในชีวิตคนไทย และของประเทศเองก็จะมีปัญหา ท่านมีมาตรการรองรับเรื่องเหล่านี้หรือไม่” สุทิน กล่าว
ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐาะนะกำกับดูแลกรมที่ดิน เป็นตัวแทนนายกรัฐมนตรีตอบคำถาม โดยระบุว่า เหตุที่ออกกฎกระทรวงใหม่ ด้วยสาเหตุเพราะวิกฤตเศรษฐกิจจากสถานการณ์โควิด-19 คณะทำงานเศรษฐกิจเชิงรุกจึงได้พิจารณาเชิญชวนผู้มีรายได้สูงชาวต่างชาติมาลงทุนในไทย รวมถึงคนที่เก่ง มีความสามารถ ทักษะพิเศษ
โดยเริ่มต้นจากมาตรการให้วีซาเพื่อพำนักอยู่อาศัยประเทศไทยในระยะยาวได้ จึงต้องมีการออกกฏกระทรวงใหม่ให้รัดกุมเข้มงวดกว่าปี 2545 คือกำหนดให้มีที่ดินเป็นพื้นที่เฉพาะ และจำกัดเวลาให้ที่ดินแค่ 5 ปี ขณะที่กฎกระทรวงเดิมนั้นไม่ได้มีกำหนดระยะเวลาหมดอายุไว้
“ต้องพูดตามตรงว่าเราไม่มีเจตนาจะขายชาติ ไม่มีใครทำเช่นนั้น ผมเชื่อมั่นว่าคนในรัฐสภาแห่งนี้มาเป็นฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน คงไม่มีใครเจตนาทำเช่นนั้น ไม่มีใครคิดจะมาให้เขาครอบครองที่ดินอย่างที่เกรงกลัว เพราะได้เตรียมออกระเบียบรองรับไว้แล้ว จะไม่อนุญาตให้ซื้อที่ดินติดกันมากผิดปกติ”
และขณะนี้ร่างกฎกระทรวงอยู่ในขั้นตอนของการดำเนินการในสำนักงานกฤษฎีกา ขณะนี้ตามกฎหมายก็จะต้องมีการรับฟังความคิดเห็นซึ่งสำนักงานดังกล่าวกำลังดำเนินการรับฟังความคิดเห็นอยู่ ซึ่งอาจมีความเป็นไปได้ที่จะมีการกำหนดขั้นตอนที่ละเอียดกว่านี้หรือมีขั้นตอนที่ยากกว่าเดิม และไม่แน่ว่าร่างกฎหมายนี้อาจจะล้มในที่ประชุม ครม. ด้วยซ้ำ หากประชาชนทั้งหมดไม่สบายใจ
“สิ่งที่ประชาชนกังวลจะพยายามไปแก้ไข จะทำให้ดีที่สุดตามข้อห่วงใยของประชาชน ไม่ให้เกิดเหตุขึ้นเด็ดขาด ผมอยู่ใน ครม. ถ้ามีการแก้ไข ผมจะเรียนต่อ ครม ให้ว่าประชาชนทั้งหมดห่วงใยเรื่องดังกล่าว รวมทั้งสภาแห่งนี้ด้วย” พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว