ไม่พบผลการค้นหา
บอร์ด EEC รับทราบความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ผ่านการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม-โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด คาดลงนามเอกชนได้ในก.ค.นี้

นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการ คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) หรือบอร์ด EEC เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานว่า กพอ. รับทราบความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา) ที่ได้ผ่านความเห็นชอบการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) แล้ววันนี้ และคาดว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะสรุปแผนส่งมอบพื้นที่กับเอกชนและลงนามได้ภายใน ก.ค.นี้

นอกจากนี้ กพอ. รับทราบผลการประชุมคณะรัฐมนตรี เนื่องโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 ช่วงที่ 1 คาดว่าการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) จะลงนามในสัญญาร่วมทุนโครงการฯ กับเอกชนที่ได้รับคัดเลือกภายในเดือนก.ค. เช่นกัน

สำหรับทั้ง 2 โครงการดังกล่าว มีมูลค่าการลงทุนรวม 271,900 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการรถไฟความเร็วสูงฯ 224,000 ล้านบาท และโครงการท่าเรือมาบตาพุด 47,900 ล้านบาท

ส่วนความคืบหน้าโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ที่บริษัท ธนโฮลดิ้ง จำกัดและพันธมิตร ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางนั้น นายคณิศ กล่าวว่า ตามกระบวนการคงต้องรอให้ศาลพิจารณาว่า จะสามารถเปิดซองพิจารณาได้หรือไม่ ซึ่งก็หวังว่ากระบวนการที่ศาลจะมีการพิจารณาคงจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน

ทั้งนี้ ในส่วนกิจการร่วมค้าอีก 2 รายทางคณะกรรมการคัดเลือกสามารถนำมาพิจารณาได้ ซึ่ง โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาจะสามารถคัดเลือกผู้ที่ชนะการประมูลได้ก็ต่อเมื่อมีคำสั่งศาลออกมาแล้ว

อย่างไรก็ตาม นายคณิศ ย้ำว่า เรื่องนี้ไม่ได้เกิดจากความตั้งใจของรัฐบาลที่จะทำให้โครงการล่าช้า ซึ่งคนที่ไม่มีปัญหากลับดูน่าสงสารที่สุด แต่เพื่อความเป็นกับทุกฝ่ายจึงต้องรอกระบวนการตามกฏหมายก่อน


ข่าวที่เกี่ยวข้อง :