ไม่พบผลการค้นหา
'ปริญญ์' รอดคดีอนาจารเด็ก ศาลอาญาสั่งยกฟ้อง เหตุคดีขาดอายุความ และไม่ได้ก่อเหตุต่อหน้าธารกำนัล

วันที่ 14 ธ.ค. ที่ห้องพิจารณา 914 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีพรากผู้เยาว์ หมายเลขดำอ.1849/2565 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ฟ้อง ปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นจำเลยในความผิดฐาน พรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน18 ปีเพื่อการอนาจาร 

โดยอัยการโจทก์ฟ้องระบุความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 61 เวลากลางวัน จำเลยได้พรากหญิงสาวรายหนึ่งอายุ17 ปีเศษ ไปจากบิดา มารดา หรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจารโดยหญิงนั้นเต็มใจ ด้วยการที่จำเลยใช้มือขวาจับมือซ้ายลักษณะกุมมือและใช้มือซ้ายจับที่ต้นขาของผู้เสียหายโดยอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ ซึ่งการกระทำอนาจารดังกล่าวเป็นลักษณะเปิดเผยที่เกิดต่อหน้าธารกำนัล เหตุเกิดที่แขวง และเขตดินแดง กทม.

จำเลยให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดี และได้รับการประกันตัว

ศาลใช้เวลาอ่านคำพิพากษาประมาณ 15 นาที มีคำสั่งยกฟ้อง 2 ข้อหา คือ อนาจาร เด็กอายุกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี ต่อหน้าธารกำนัล โดยศาลพิพากษา ยกฟ้อง เนื่องจากจุดที่เกิดเหตุเป็นรถตู้ มีผ้าม่านกั้น ฟิล์มดำ เป็นพื้นที่ที่ไม่มีบุคคลภายนอกอยู่ ส่วนการอนาจารที่มีการใช้มือลูบไล้ ถกกระโปรง จึงเป็นการอนาจารที่ไม่ได้เกิดต่อหน้าธารกำนัล ซึ่งเป็นคดีที่สามารถยอมความได้ อีกทั้งในคดีอนาจารหมดอายุความไป หลังจากวันเกิดเหตุ 3 เดือน (25 เม.ย. 2561) แต่โจทก์มายื่นฟ้องในปี 2565 ทำให้คดีขาดอายุความ ศาลจึงพิพากษายกฟ้องในข้อหานี้ 

ส่วนข้อหาพรากผู้เยาว์ไปจากพ่อแม่ เพื่อไปอนาจาร ผลการไต่สวนปรากฎข้อเท็จจริงว่า จำเลยได้ส่งโจทก์ ที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ตามร้องขอของโจทก์ หลังจากกระทำอนาจารบนรถตู้ โดยจำเลยไม่มีท่าทีขัดขวาง หรือกักขัง ทำให้ไม่เข้าข่ายลักษณะพรากผู้เยาว์ ประกอบกับพยานหลักฐานของโจทก์ รับฟังไม่ได้ว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง จึงยกฟ้อง ในข้อหานี้

ภายหลังฟังคำพิพากษา ปริญญ์ มีสีหน้าเรียบเฉย และปฏิเสธให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนก่อนจะเดินทางกลับ พร้อมภรรยาทันที