พรรคอนาคตใหม่จัดสัมมนาอบรมว่าที่ ส.ส.และอดีตผู้สมัคร ส.ส.ทั่วประเทศ โดยวันนี้ (31 มี.ค.) มีวาระพิเศษเป็นการถ่ายทอดประสบการณ์ของว่าที่ ส.ส. ที่ชนะการเลือกตั้งใน 4 เขต ด้วยนายสัตวแพทย์ปดิพัทธ์ สันติภาดา ว่าที่ ส.ส.พิษณุโลก เขต 1 น.ส.ญาณธิชา บัวเผื่อน ว่าที่ ส.ส.จันทบุรี เขต 3 นายพีรเดช คำสมุทร ว่าที่ ส.ส.เชียงราย เขต 6 และนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ว่าที่ ส.ส.กทม. เขต 25
โดยในส่วนของนายสัตวแพทย์ปดิพัทธ์ สันติภาดา ระบุว่า ส่วนตัวเป็นคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพมหานคร ไม่รู้จักใครที่บ้านเกิด แต่ด้วยความอยากเป็นผู้แทนของคนพิษณุโลกในการผลักดันการกระจายอำนาจกลับสู่บ้านเกิด และความต้องการท้าทายการเมืองแบบเก่า ตนจึงตัดสินใจลงสมัครเป็น ส.ส.ในครั้งนี้ ส่วนตัวยอมรับว่ามีความหวั่นใจที่ลงสมัคร เพราะคู่แข่งก็เป็นคนใหญ่มีชื่อเสียง
นายสัตวแพทย์ปดิพัทธ์ เปรียบว่าการต่อสู้ของตัวเองเป็นเหมือนกระต่ายกับเต่า เพราะในขณะที่คู่แข่งออกตัวเร็วและแรงมาก ตนจะเน้นใช้ความมุ่งมั่นอดทน ทำกิจวัตรการหาเสียงประจำวันไปอย่างช้าๆแต่มั่นคง ไม่ใช้การซื้อเสียงอย่างเด็ดขาด
น.ส.ญาณธิชา ระบุว่า สิ่งที่เป็นจุดแข็งหลักของตน คงเป็นเรื่องของการใช้จิตวิญญาณในการทำงาน เริ่มต้นจากการมองเห็นความอึดอัดของคนในสังคม และความอยากเปลี่ยนประเทศนี้ให้ดีขึ้น ทีแรกไม่มีความอยากเป็น ส.ส. เพียงแค่คิดว่าอยากเก็บคะแนนให้พรรค แต่มีเหตุการณ์หนึ่งที่ตนได้บังเอิญเจอผู้ติดตามข้าราชการชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่งในจังหวัด มาท้าทายอุดมการณ์ของพรรคเรื่องคนไทยเท่าเทียมกันว่าเป็นไปไม่ได้ แล้วยังมาวางท่าใหญ่โตใส่ ตนจึงเกิดแรงฮึดที่อยากจะเป็น ส.ส.ขึ้นมา เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าคนเท่าเทียมกันเป็นจริงได้
น.ส.ญาณธิชา กล่าวว่า ตนเริ่มต้นจากความไม่มีอะไรเลย ฐานเสียงไม่มี ผู้ใหญ่บ้านก็ไม่รู้จัก ไม่คิดถึงคำว่าแพ้หรือชนะ คิดเพียงจะทำอย่างไรใหัพรรคได้คะแนนมากที่สุด ส่วนตัวเชื่อว่าเดินเยอะกว่าคู่แข่งในเขตเดียวกันและใช้เงินน้อยที่สุด ไม่เคยเสียเหล้าแม้แต่ขวดเดียวและไปงานศพ งานแต่งน้อยมาก และด้วยงบที่จำกัด ไม่มีเงินไปจ้างรถแห่หาเสียง จึงเน้นใช้วิธีการเดินเอา เริ่มแรกเหนื่อยและท้อใจมาก
ขณะที่นายพีรเดช ระบุว่า เชียงราย เขต 6 เป็นพื้นที่ห่างไกล ภูมิประเทศเป็นป่าเขาโดยส่วนมาก ด้วยความจำกัดของทรัพยากรและงบประมาณ เราจึงตั้งใจจะใช้การเดินเท้า โดยตั้งใจจะเดินให้ครบทุกหมู่บ้านในเขต 6 จำนวน 186 หมู่บ้าน สุดท้ายออกมาเป็นการเดินเฉลี่ยวันละ 10 กิโล เราอยากให้ทุกคนมองเห็นและพุดคุยกับเราได้ ด้วยงบประมาณที่น้อยทำให้ใช้การเดินเท้า
ด้านนายณัฐชา ระบุว่า เขตบางขุนเทียนนี้เป็นเขตที่ตนเป็นคนนอกพื้นที่ แถมตนยังไม่เคยทำงานทางการเมือง ไม่รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด เคยมีโอกาสได้ปรึกษากับหัวหน้าพรรคว่าทำแบบนี้ดีหรือไม่ หัวหน้าพรรคให้แรงบันดาลใจมาสั้นๆ ว่านึกทำอะไรได้ให้ลงมือทำเลย อย่าไปคิดเยอะ ตนจึงเริ่มลงมือทำ มีการวางแผนพื้นที่ วางแผนองค์กร วางแผนตารางงานอย่างเข้มข้น แบ่งกันลงเดินให้ครบทุกพื้นที่ นำเสนอสิ่งใหม่ๆ และชี้ปัญหาของสิ่งที่เป็นมาให้ทุกคนเห็น
“การทำงานในพื้นที่ที่คู่แข่งชนะมาตลอดติดต่อกันหลายสมัย เป็นสิ่งที่ยากลำบากและเหนื่อยมาก การหาเสียงทุกพื้นที่มีความแตกต่างไม่เหมือนกัน แต่สิ่งที่ผมได้เป็นแรงบันดาลใจมาจากหัวหน้าพรรค คือความคิดที่ว่าเราคิดอะไรได้ก็ลงมือทำเลย” นายณัฐชากล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง