วันที่ 9 ส.ค. 2565 นาวาอากาศตรี ศิธา ทิวารี ประธานคณะกรรมการอำนวยการและพัฒนาพรรคไทยสร้างไทย ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว ถึงกระแสข่าวที่จะมีความพยายามล่มสภา ไม่ให้ครบองค์ประชุม ในการผ่านร่างกฎหมายเลือกตั้ง ว่า
“ในระบอบประชาธิปไตย สส.และ สว.คือผู้ที่พี่น้องประชาชนไว้วางใจ ให้เข้าไปเป็นสมาชิกรัฐสภา เพื่อออกกฎหมายแทนพี่น้องประชาชน สมาชิกท่านใดไม่ต้องการให้ กม.ผ่าน ก็สามารถใช้เอกสิทธิ์ในการโหวต “ไม่เห็นชอบ” ในวาระ3 ได้ แต่หากทั้ง 2สภาฯ เลือกใช้วิธีนัดกันโดดประชุม เพื่อที่จะให้กฎหมายแท้ง ไม่สามารถผ่านได้ภายใน 180วัน จะนับเป็นการสร้างบรรทัดฐานทางการเมืองที่แย่อยู่แล้ว ให้ย่ำแย่ลงไปอีก”
น.ต.ศิธา ให้ความเห็นว่า โดยปรกติการวอล์คเอ้าท์ไม่เข้าประชุมสภา ถือเป็นเกมส์ที่เสียงข้างน้อย ต้องการส่งสัญญาณให้เสียงข้างมากใช้เหตุผลในการพิจารณาผ่านกฎหมาย ไม่ใช้วิธีพวกมากลากไป โดยไม่ฟังเสียงข้างน้อย แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน เพราะการโดดประชุมสภาครั้งนี้ เป็นการสมยอมกันของนักการเมืองกลุ่มใหญ่ ที่จะทำแท้งกฎหมายโดยไม่โหวต เพียงเพราะว่ากฎหมายไม่เอื้อให้พวกเองได้เปรียบคนอื่น ซึ่งการเอาชนะกันในลักษณะนี้ ถือเป็นการหมิ่นเกียรติรัฐสภาและพี่น้องประชาชน
“กฎหมายเลือกตั้ง คือกลไกหลักของระบอบประชาธิปไตย ในการที่จะสะท้อนเสียงประชาชน ผ่าน 1คน 1เสียง ของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งประเทศ ถือเป็นส่วนสำคัญในการออกแบบโครงสร้างการคัดเลือกนักการเมือง ให้เข้าไปเป็นตัวแทนประชาชนในสภา หากตั้งใจทำแท้งกฎหมายเท่ากับว่าสภาทั้ง2 สมคบคิดกันในการจะไม่ทำหน้าที่ของตนเอง ไม่สามารถเป็นที่พึ่งพิงให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งขัดกับหลักการประชาธิปไตยโดยสิ้นเชิง”
ต่อมาได้ กล่าวถึงกระแสข่าวเรื่องจะมีการล่ารายชื่อ หรือ เตรียมตัวที่จะยื่น ป.ป.ช.ให้วินิจฉัยว่า สมาชิกสภาที่โดดประชุมในวาระนี้ เข้าข่ายผิดจริยธรรมร้ายแรงนั้น น.ต.ศิธา กล่าวว่า ถ้ามีคนริเริ่มล่ารายชื่อ ตนจะร่วมลงชื่อและร่วมสนับสนุนด้วยอย่างแน่นอน การที่พูดว่าฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรงนั้น ตนเองมองว่ายังน้อยเกินไปด้วยซ้ำ เพราะภาระกิจหลักของสภา คือ การเข้าไปโหวต และผ่านกฎหมายในนามของประชาชน ถ้าหากภาระกิจหลักนี้ยังทำไม่ได้ ก็ไม่สมควรเป็นตัวแทนประชาชนอีกต่อไป
สำหรับจุดยืนของพรรคไทยสร้างไทยนั้นเห็นว่า หากมีการร่วมมือกันโดดประชุมจนกฎหมายแท้งจริง สมควรให้เกรด F ต่อรัฐสภา ถือเป็นการสอบตกอย่างรุนแรง ส่วน สส.ที่จงใจขาดประชุมนั้น ต้องพิจารณาตัวเอง โดยประชาชนไม่ควรเลือกเข้ามาทำหน้าที่ฯอีก เพราะการที่จะผ่านกฎหมายแต่ละวาระนั้น ใช้เงินภาษีของพี่น้องประชาชนนับล้านบาท ในเมื่อทุกคนรู้อยู่แล้วว่า พรุ่งนี้มีความพยายามที่จะทำให้สภาล่ม สิ่งที่สมาชิกสภาทุกคนควรทำคือ ยกเลิกทุกสิ่งทุกอย่างและกลับเข้าไปประชุมสภาเพื่อให้รัฐสภา สามารถเดินหน้าต่อไปตามกลไกของระบอบรัฐธรรมนูญให้ได้ ถือเป็นหน้าที่ที่สำคัญที่สุดของสมาชิกรัฐสภาทุกคน