31 มกราคม 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ใช้เวลาในการประชุมนาน เพราะต้องพิจารณาหลายเรื่องที่สำคัญ หลังจากกล่าวจบ พล.อ.ประยุทธ์ ได้สอบถามผู้สื่อข่าวว่า มีคำถามจะถามหรือไม่ ผู้สื่อข่าวจึงถามเรื่องเตรียมที่จะหาพันธมิตรทางการเมืองเพื่อเตรียมพร้อมหรือไม่ โดย พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ตอบ และชักสีหน้า ก่อนถามกลับว่า มีคำถามอื่นจะถามอีกหรือไม่
ผู้สื่อข่าวจึงได้ถามถึงไทม์ไลน์การเลือกตั้งหลัง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง และพรรคการเมืองประกาศใช้แล้ว โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของ กกต. ซึ่ง วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีได้นำมาแจ้งเพื่อถ่ายทอดต่อ ซึ่งนายกฯ ไม่ได้เกี่ยวข้อง ไม่ได้ก้าวล่วงอะไรทั้งสิ้น หน้าที่ของรัฐบาลเสร็จสิ้นแล้ว
เมื่อถามว่า นมีอะไรกำชับกับ ครม.หรือไม่ ในระยะเวลา 2 เดือนสุดท้ายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ยังทำงานตามปกติ ไม่ว่าจะมีเวลาเหลือเท่าไหร่ก็ต้องทำให้ดีที่สุด อย่างที่ได้ทำมาหลายปี แต่จะระมัดระวังเรื่องการใช้งบประมาณให้มากที่สุด เพราะในช่วงการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม รัฐบาลจะยังรักษาการอยู่ ดังนั้นต้องใช้งบประมาณให้คุ้มค่า และโปร่งใส ทุกอย่างต้องมีประสิทธิภาพ และตรวจสอบได้ ถ้ามีการทุจริตก็ต้องตรวจสอบ เพราะรัฐบาลต้องเป็นคนรับผิดชอบ ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อว่า รัฐบาลมีไทม์ไลน์ยุบสภาไว้ในใจบ้างหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า ไม่มี
ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงกรณีนักท่องเที่ยวชาวไต้หวัน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องแก้ไขให้หมด เพราะคนมีหลายประเภท มีทั้งคนดี และคนไม่ดี คนไม่ดีมีอยู่ทุกที่ก็ต้องเอาออกไป เพราะเป็นปัญหามานานแล้ว พร้อมย้ำว่า ตนไม่เคยปล่อยปะให้เจ้าหน้าที่กระทำผิด ถ้าเรื่องไหนมีหลักฐานชัดเจนก็ต้องลงโทษไปตามระเบียบ และกฎหมาย นายกฯ พยายามทำให้ทุกคนรักในองค์กร ไม่ให้สร้างความเสียหาย เพราะจำทำให้ภาพลักษณ์องค์กรเสียหายต้องเอาคนไม่ดีอแกไปให้หมด
ผู้สื่อข่าวจึงถามนายกฯ ต่อถึงกรณีที่ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เรียกร้องนายกฯ และรมว.การท่องเที่ยวฯ ออกมาขอโทษนักท่องเที่ยวชาวไต้หวันที่ถูกกล่าวหาว่า สร้างข่าวเท็จ ปรักปรำเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจบคำถาม นายกฯ ไม่ตอบ และได้เดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย