ไม่พบผลการค้นหา
นายกฯ รับตกใจยาเสพติดแพร่หลายขายตามสี่แยก เรียกสั่งด่วนให้ตำรวจเร่งปราบ ชี้มุ่งเป้ารายใหญ่เพื่อไม่ให้กระจายต่อ ระบุ นอกจากยาบ้า ยาไอซ์ ปัจจุบัน 4คูณ100 และบุหรี่ไฟฟ้าก็น่าห่วง ย้ำจับมือเพื่อนบ้านแก้ปัญหา PM 2.5 ควบคู่ให้ความรู้คนในประเทศแทนการเผา เตรียมยกระดับสนามบินทั่วประเทศกระจายนักท่องเที่ยวสู้เมืองรอง

โสภณ ซารัมย์ สส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย ถาม เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ตั้งกระทู้ถามนายกรัฐมนตรี เรื่องการดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติด ที่หากแก้ไขปัญหาโดยมองว่าโลกสวยแก้ไม่ได้ โดยหากเปรียบกับผู้ป่วยอยู่ในขั้นโคม่า ดังนั้นต้องปฏิรูปทั้งองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหายาเสพติดทั้งหมด เพราะแม้สถิติการแก้ไขจะลด แต่สวนทางกับความเป็นจริง หากมองให้ลึกลงไป จากปกติปัญหายาเสพติดเกิดกับผู้ใช้แรงงาน แต่ปัจจุบันกลับพบไปถึงนักเรียน นอกจากยาบ้า ยาไอซ์ โดยเฉพาะขณะนี้การนำกระท่อมมาทำเป็น โดยใช้สูตรที่เรียกว่า 4×100 กำลังเป็นแฟชั่น กับ บุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งยาเสพติดมีหลายประเภท หาง่าย ราคาถูก การแก้ไขไม่จริงจัง จนเป็นปัญหาสังคม ขณะที่กฎหมายก็ไม่เอื้อต่อผู้ปฏิบัติ จับแล้วก็ปล่อยจึงมองว่าปัญหายาเสพติดในขณะนี้อาจจะเป็นวิกฤต เท่ากับวิกฤตเศรษฐกิจหรือการศึกษา

โดย เศรษฐา ชี้แจงว่า ประเด็นยาเสพติดเป็นเรื่องสำคัญที่ประชาชนห่วงใย เพราะจากตัวเลขการจับกุม 4 เดือนสุดท้ายเมื่อปลายปีที่แล้ว ( 2566 ) สามารถจับผู้ค้ารายย่อยเพิ่มมากกว่า 40 เปอร์เซ็น จำนวน 32,000 เคส , ยาบ้าจับได้มากกว่าปีก่อน 2 เท่า คือกว่า 250 ล้านเม็ด , โดยเน้นจับผู้ค้ารายใหญ่ไม่ให้ไปกระจายต่อ ซึ่งรายใหญ่ที่ขายมากกว่า 500,000 ขึ้นไป จับได้ 62 เคส ยึดทรัพย์แล้วกว่า 2500 ล้านบาท

ดังนั้นหากพูดถึงปัญหาจริง ก็ต้องยอมรับว่าตัวเลขเหล่านี้ ยังไม่ได้เป็นที่น่าสบายใจ เพราะแม้ผู้ค้ารายใหญ่จะถูกจับไป แต่ไม่ได้ส่งผลให้ราคายาบ้าแพงขึ้น จึงเป็นการบ้านของรัฐบาลที่ยังมีอยู่เป็นจำนวนมาก ต้องยอมรับ รากเหง้าของปัญหา มาจากเศรษฐกิจ การที่ประชาชนประสบปัญหารายจ่ายสูง รายได้น้อย อาจหมดหวังมาหลายปี รัฐบาลจึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ เพราะตระหนักปัญหาที่เกิดขึ้น

ส่วนเรื่องยาที่จับได้แล้วใช้เวลาในการทำลายนานนั้น นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า รัฐบาลมีนโยบายชัดเจนที่จะจับและพิสูจน์ทราบ และเก็บตัวอย่างเล็กๆไว้ ส่วนที่เหลือให้ทำลายล้างโดยเร็ว เพื่อตัดปัญหาหาที่สังคมสงสัยว่าอาจมีการรั่วไหล ขณะที่เรื่องน้ำกระท่อม ถือว่าเป็นยาเสพติดชนิดใหม่ที่วัยรุ่นให้ความสำคัญ และแพร่กระจายไปเร็ว

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า ไม่เคยทราบว่า มีการจำหน่ายอย่างแพร่หลายตามสี่แยก จึงได้เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจมาพูดคุย เพื่อให้ดำเนินการกวาดล้างอย่างรวดเร็ว ร่วมกับฝ่ายปกครอง จนสามารถดำเนินการได้ภายใน 1 สัปดาห์ที่จังหวัดอุบลราชธานี หลังได้พบกับ สส. ในจังหวัด พร้อมกันนี้ยังพยายามกระจายให้ดำเนินการต่อในจังหวัดอื่นๆด้วย ย้ำว่า หาก สส.ในพื้นที่มีปัญหา ขอให้แจ้งรัฐบาลเพื่อจัดการอย่างทันควัน

นายกรัฐมนตรี มองว่า ปัญหายาเสพติดโยงไปถึงประเทศเพื่อนบ้านด้วย เพราะต้องยอมรับว่า ประเทศที่มีปัญหาภายในอย่างมาก คือ ประเทศเมียนมา ที่มีพรมแดนติดต่อกัน 2,500 กม. ประเทศไทยจึงได้รับมอบหมายจากประเทศอาเซียน ที่จะเข้าไปเจรจากับฝ่ายเมียนมา จึงเป็นเรื่องน่ายินดี ที่สัปดาห์ที่ผ่านมา มหาอำนาจ 2 ประเทศ ส่งผู้นำระดับท๊อปมาเจรจาพูดคุยในหลายๆปัญหา ตนเองก็ได้เจรจา รวมทั้งพูดคุยเรื่องปัญหาที่ส่งผลกับประเทศไทย ทั้งปัญหายาเสพติดที่ทะลักเข้ามาตามแนวชายแดน แต่ ก็ต้องขอขอบคุณกองทัพไทยและความร่วมมือระหว่าง การปกครอง สส.พื้นที่ และกองทัพบกโดยแม่ทัพภาพ 3 ได้กำจับออเดอร์ได้อย่างมาก ซึ่งการที่ประเทศเพื่อนบ้านมีปัญหาภายใน เรื่องเงินจึงเป็นเรื่องสำคัญ เขาต้องการเงินง่ายสุดคือผลิตยาแล้วส่งกลับมาขายกับเรา เราก็ไม่ยอมและพยายามพูดคุยและชี้แจงให้มหาอำนาจทั้ง 2 ประเทศเข้าใจ เพราะเป็นเรื่องใหญ่ที่ประเทศไทยมีส่วนได้เสียเป็นอย่างมาก ทำให้ผู้นำทั้ง 2 ประเทศเข้าใจและนำปฏิบัติ

ส่วนในอนาคตเรื่องนี้ก็ต้องให้ความสำคัญเรื่องการสกัดการเข้ามาตามแนวชายแดดต่อไป เพราะปัจจุบันทางภาคเหนือทำได้ดี แต่ไปเจอที่ภาคกลาง เช่น กาญจนบุรีที่พบปัญหา จึงต้องสู้กันไป สำหรับการบำบัดคืนผู้เสพให้เป็นผู้ป่วย ก็เป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลต้องดำเนินการต่อไป