เมื่อวันที่ 14 พ.ค. ที่ศูนย์พักคนไร้บ้านสุวิทย์ วัดหนู (บางกอกน้อย) ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า กลุ่มคนไร้บ้านเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสุขภาพสูง และมีปัญหาในการเข้าถึงบริการสุขภาพ สปสช. ให้ความสำคัญกับสุขภาพของคนไทยทุกคน
โดยเฉพาะในช่วงของการระบาดของโควิด-19 จึงร่วมกับภาคีเครือข่าย ทั้งสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล ลงพื้นที่การตรวจคัดกรองโควิด-19 วิธีเชิงรุก เพื่อป้องกันหากมีคนไร้บ้านติดเชื้อจะสามารถรักษา และควบคุมไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดได้ เนื่องจากข้อจำกัดของที่อยู่อาศัยของคนไร้บ้าน ที่มีความแออัด หรือบางส่วนอยู่ในพื้นที่สาธารณะ
ศ.ดร.ฉัตรเฉลิม อิศรางกูร ณ อยุธยา คณบดีคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า การตรวจคัดกรองป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ มหาวิทยาลัยมหิดลได้นำเจ้าหน้าที่ร่วมตรวจคัดกรองวัดไข้ในเบื้องต้นให้กับประชาชนและกลุ่มคนไร้บ้าน และสนับสนุนเชิงวิชาการในกระบวนการตรวจยืนยันผล เพื่อหนุนเสริมการทำงานของภาคส่วนต่างๆ ในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 และการทำงานเชิงรุกกับกลุ่มที่มีความเสี่ยงทางสุขภาพสูงอย่างกลุ่มคนไร้บ้านที่มีข้อจำกัดในการเข้าถึงสิทธิและบริการในการตรวจคัดกรอง
สำหรับข้อมูลเบื้องต้นพบว่าหลังสถานการณ์โควิด-19 มีคนไร้บ้านที่ศูนย์พักคนไร้บ้านสุวิทย์ วัดหนู (บางกอกน้อย) กว่า 100 คน เป็นคนสูงอายุ 70 คน โดยทุกคนมีโรคประจำตัวอย่างน้อย 1 โรค โดยหวังว่าการทำงานเชิงรุกเช่นนี้ จะช่วยหนุนเสริมการทำงานของหน่วยงานต่างๆ นำผลลัพธ์ไปใช้เป็นประโยชน์ในการวางแผนต่อไป
นางภรณี ภู่ประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ สสส. กล่าวว่า สสส. ทำงานกับเครือข่ายคนไร้บ้านมายาวนาน โดยร่วมกับภาคีเครือข่ายหลากหลายทั้งภาครัฐ เอ็นจีโอ และสถาบันการศึกษา เช่น สปสช. กองคุ้มครองสวัสดิภาพและเสริมสร้างคุณภาพชีวิต กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ มูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัย สมาคมคนไร้บ้าน สถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำให้เข้าใจความยากลำบากของคนไร้บ้านในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19
ตั้งแต่ระยะแรกของการระบาด สสส. ให้การสนับสนุนคนไร้บ้าน ทั้งการจัดให้มีศูนย์กลางระดมทรัพยากรและความช่วยเหลือ จัดให้มีครัวกลางชุมชนเพื่อแจกจ่ายอาหารรวมทั้งเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ในการป้องกัน เช่น หน้ากากผ้า เจลล้างมือ
สสส. ได้นำเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ในการป้องกันมาสมทบเพิ่มเติม 1,600 ชุด อีกทั้งให้ความสำคัญกับกลุ่มไร้บ้านที่เป็นผู้สูงอายุ เนื่องจากผลสำรวจพบว่า กว่าร้อยละ 26 ของคนไร้บ้านในกทม. เป็นผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากมีโรคประจำตัว และโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ นอกจากนี้ ได้เตรียมแผนช่วงหลังการแพร่ระบาดสำหรับการฟื้นฟูคนไร้บ้านทั้งด้านสุขภาพกายสุขภาพจิต และด้านเศรษฐกิจการมีงานมีรายได้เพื่อให้คนไร้บ้านสามารถกลับขึ้นมายืนด้วยตัวเองได้อีกครั้ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :