ก่อนหน้านี้เมื่อวันพุธที่แล้ว (26 ก.ค.) โมฮาเหม็ด บาซูม ประธานาธิบดีไนเจอร์ และรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยของเขา ถูกถอดถอนลงจากอำนาจการปกครอง โดยผู้นำทหารทำรัฐประหาร นับเป็นการรัฐประหารยึดอำนาจครั้งที่ 7 ของประเทศในรอบไม่ถึง 3 ปี
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (1 ส.ค.) มีไคโล โปโดลยัก ที่ปรึกษาของประธานาธิบดียูเครนกล่าวว่า รัสเซียอยู่เบื้องหลังการรัฐประหารในไนเจอร์ที่น่าตกใจในครั้งนี้ โดยโปโดลยักระบุบนแพลตฟอร์ม X (ทวิตเตอร์) ว่า “ตอนนี้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า รัสเซียอยู่เบื้องหลังสิ่งที่เรียกว่า 'การรัฐประหารโดยทหาร' ในไนเจอร์ มันเป็นกลยุทธ์มาตรฐานของรัสเซีย เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ ฉวยโอกาส และขยายความขัดแย้ง”
“รัสเซียมีฉากทัศน์ระดับโลกเพื่อการยั่วยุให้เกิดความไม่แน่นอน อันเป็นการบ่อนทำลายระเบียบความมั่นคงทั่วโลก” โปโดลยักระบุ “ถึงเวลาที่จะต้องหาข้อสรุปที่ถูกต้องแล้ว มีเพียงการกำจัดกลุ่มของ (ประธานาธิบดีรัสเซีย) ปูติน และส่งรัสเซียไปสู่การเกิดใหม่ทางการเมืองเท่านั้น ที่สามารถรับประกันได้ว่ากฎต่างๆ จะละเมิดไม่ได้ และจะมีเสถียรภาพต่อโลก”
สำนักประธานาธิบดีรัสเซียแถลงเมื่อวันจันทร์ (31 ก.ค.) ว่า สถานการณ์ในไนเจอร์ “ทำให้เกิดความกังวลอย่างร้ายแรง” หลังจากการรัฐประหารที่ถูกประณามจากทั่วโลก โดยในการแถลงต่อสื่อมวลชน ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกประธานาธิบดีรัสเซีย กล่าวว่า รัสเซียเรียกร้องให้ทุกฝ่ายในไนเจอร์แสดงความยับยั้งชั่งใจ และเรียกร้องให้มีการกลับคืนสู่ความเรียบร้อยตามกฎหมายโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
แต่ในทางตรงกันข้าม เยฟเกนี ปริโกชิน หัวหน้าทหารรับจ้างของวากเนอร์ ซึ่งมีผลประโยชน์อยู่ในแอฟริกา กลับออกมากล่าวแสดงความยินดีต่อการรัฐประหารในไนเจอร์ครั้งนี้ ในขณะที่วากเนอร์ไม่ได้ออกมาอ้างความรับผิดชอบต่อการก่อรัฐประหารไนเจอร์ แต่ปริโกชินได้กล่าวยกย่องการยึดอำนาจของกองทัพในไนเจอร์
ทั้งนี้ นักรบของปริโกชินมีบทบาทสำคัญ ในการสู้รบและประจำการอยู่ในหลายประเทศในแอฟริกา ซึ่งอิทธิพลของวากเนอร์ได้สร้างความวิตกกังวลให้กับชาติตะวันตก ในขณะที่ล่าสุดนั้น กลุ่มวากเนอร์ได้เคลื่อนกำลังของพวกเขามายังสาธารณรัฐแอฟริกากลาง ในช่วงก่อนการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญของประเทศ
ปริโกชินกล่าวว่ารัฐประหารที่เกิดขึ้นในไนเจอร์ "ไม่มีอะไรอื่นนอกจากการต่อสู้ของชาวไนเจอร์ กับนักล่าอาณานิคมของพวกเขา ด้วยผู้ล่าอาณานิคมที่พยายามยัดเยียดกฎเกณฑ์ชีวิตของพวกเขา และสภาพความเป็นอยู่ของพวกเขา และทำให้พวกเขาอยู่ในสภาพที่แอฟริกาเคยเป็นเมื่อหลายร้อยปีก่อน”
หัวหน้ากลุ่มวากเนอร์กล่าวเสริมอีกว่า “วันนี้ สิ่งนี้กำลังได้รับอิสรภาพอย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนที่เหลือจะขึ้นอยู่กับพลเมืองของไนเจอร์อย่างไม่ต้องสงสัย และการปกครองที่มีประสิทธิภาพจะเป็นอย่างไร แต่สิ่งสำคัญคือ พวกเขากำจัดอาณานิคมได้แล้ว”
ที่มา: