เดอิฟเป็นชายที่ทางการอิสราเอลต้องการตัวมากที่สุด โดยในช่วงวันเสาร์ที่ผ่านมา (7 ต.ค.) เขาได้เผยแพร่เทปเสียงที่ออกอากาศขณะที่กลุ่มฮามาสยิงจรวดหลายพันลูกออกจากฉนวนกาซา เพื่อส่งสัญญาณว่าการโจมตีดังกล่าวเป็นการตอบโต้การโจมตีของอิสราเอล ที่เกิดขึ้นในมัสยิดอัลอักซอในกรุงเยรูซาเลม
เหตุการณ์เจ้าหน้าที่อิสราเอลเข้าปฏิบัติการในมัสยิดอัลอักซอ เมื่อเดือน พ.ค. 2564 นับเป็นการจู่โจมสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อันดับ 3 ของศาสนาอิสลามโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐยิว ซึ่งได้สร้างความโกรธเคืองแก่โลกอาหรับและมุสลิม โดยแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับกลุ่มฮามาสระบุว่า เดอิฟเป็นผู้วางแผนปฏิบัติการตอบโต้อิสราเอล ซึ่งต่อมาได้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1,200 ราย และบาดเจ็บมากกว่า 2,700 รายในอิสราเอล
“เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจากเหตุการณ์และคลิปวิดีโอ ที่อิสราเอลบุกโจมตีมัสยิดอัลอักซอในช่วงรอมฎอน (เจ้าหน้าที่อิสราเอล) ทุบตีผู้กำลังละหมาด โจมตีพวกเขา และลากชายชราและชายหนุ่มออกจากมัสยิด” แหล่งข่าวในฉนวนกาซาระบุ “เรื่องทั้งหมดนี้เติมเชื้อไฟและจุดชนวนความโกรธแค้น”
ก่อนหน้าปฏิบัติการในปี 2564 ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจอิสราเอลได้วางแนวกั้นที่ประตูเมืองเก่าซึ่งมีกำแพงล้อมรอบ โดยทางการอิสราเอลอ้างว่าเป็นไปเพื่อการรักษาความสงบเรียบร้อย แต่ชาวปาเลสไตน์กล่าวหาว่า สิ่งกีดขวางดังกล่าวจำกัดเสรีภาพในการชุมนุมของพวกเขา ในช่วงเดือนศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาอิสลาม ทั้งนี้ ความตึงเครียดดังกล่าวได้กระตุ้นให้ชาวปาเลสไตน์กังวลว่า พวกเขากำลังจะถูกขัลไล่ออกจากบ้านเกิดของตัวเอง
การโจมตีบริเวณมัสยิดอัลอักซอในครั้งนั้น ซ้ำเติมความรุนแรงในประเด็นอำนาจอธิปไตย และความขัดแย้งทางศาสนาในกรุงเยรูซาเลมที่มีมายาวนาน ส่งผลให้เกิดการสู้รบระหว่างอิสราเอลและฮามาสนานถึง 11 วัน ในความขัดแย้งครั้งนั้น
อย่างไรก็ดี การโจมตีอิสราเอลโดยกลุ่มฮามาสเมื่อช่วงวันเสาร์ที่ผ่านมา นับเป็นความขัดแย้งระหว่างอาหรับ-อิสราเอลที่เลวร้ายที่สุด นับตั้งแต่ปี 2516 ซึ่งผลักดันให้อิสราเอลประกาศสงคราม และเปิดฉากโจมตีทางอากาศตอบโต้ฉนวนกาซา ที่คร่าชีวิตผู้คนไป 1,055 ราย และบาดเจ็บมากกว่า 5,000 ราย
อิสราเอลประกาศมอบคำสัญญาว่า พวกเขาจะหาตัวกลุ่มฮามาสที่ก่อการโจมตีเมื่อวันเสาร์มาลงโทษอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการโจมตีที่สังหารประชาชน ในงานเทศกาลดนตรีและนิคมคิบบุตซ์ของอิสราเอล นอกจากนี้ ยังมีตัวประกันชาวอิสราเอลและคนสัญชาติอื่นๆ จำนวนมาก ที่ถูกจับตัวไปยังฉนวนกาซา บางส่วนถูกแห่ไปตามท้องถนน อย่างไรก็ดี อิสราเอลแถลงเมื่อช่วงวันพุธ (11 ต.ค.) ว่า กองทัพอิสราเอลได้สังหารมือปืนชาวปาเลสไตน์ไปอย่างน้อย 1,000 คนที่แทรกซึมเข้ามาในประเทศจากฉนวนกาซา
รายงานระบุว่า เดอิฟ ซึ่งเป็นมันสมองของกลุ่มฮามาส รอดชีวิตจากความพยายามลอบในการสังหารเขาโดยอิสราเอลกว่า 7 ครั้ง ยังมีรายงานด้วยว่า เขาได้รับบาดเจ็บจากการถูกลอบสังหาร ซึ่งส่งผลให้เขาสูญเสียดวงตาและบางส่วนของมือ ตลอดจนได้รับบาดเจ็บบริเวณกระดูกสันหลังที่ทำให้ดาอิฟพิการ โดยความพยายามในการลอบสังหารเดอิฟครั้งล่าสุด เกิดขึ้นในปี 2564 อย่างไรก็ดี เดอิฟแทบไม่ได้ออกมาแถลงแบบเปิดหน้า และไม่เคยปรากฏตัวในที่สาธารณะเลย ดังนั้น เมื่อสถานีโทรทัศน์ของฮามาสประกาศว่า เดอิฟกำลังจะแถลงอะไรบางอย่างในวันเสาร์ที่ผ่านมา ชาวปาเลสไตน์จึงรู้ว่ากำลังมีเหตุการณ์ที่สำคัญดำเนินอยู่
“วันนี้ความโกรธเกรี้ยวแห่งอัลอักซอ ความโกรธเกรี้ยวของประชาชนและประเทศชาติของเรากำลังระเบิด มูจาฮิดีน (นักสู้) ของเราทั้งหลาย วันนี้เป็นวันของคุณที่จะทำให้อาชญากรรายนี้ (อิสราเอล) เข้าใจว่าเวลาของเขาสิ้นสุดลงแล้ว” เดอิฟกล่าวในเทปบันทึกเสียงของเขา
มีภาพของเดอิฟที่ปรากฏต่อสาธารณะเพียง 3 ภาพ โดยภาพหนึ่งเป็นดาอิฟในช่วงอายุ 20 ปี (ปัจจุบันดาอิฟอายุประมาณ 57-58 ปี) อีกภาพหนึ่งเป็นภาพดาอิฟกำลังสวมหน้ากาก และภาพเงาของเขาซึ่งใช้เมื่อมีการออกอากาศเทปเสียง ทั้งนี้ ยังไม่มีใครทราบที่อยู่ของดาอิฟ แม้ว่าเขาจะอยู่ในฉนวนกาซาที่ถูกปิดล้อมก็ตาม
แหล่งข่าวความมั่นคงของอิสราเอลกล่าวว่า เดอิฟเกี่ยวข้องโดยตรงในการวางแผนและปฏิบัติการด้านการโจมตี ในขณะที่แหล่งข่าวปาเลสไตน์กล่าวว่า บ้านแห่งหนึ่งที่อิสราเอลโจมตีทางอากาศในฉนวนกาซา เป็นบ้านของพ่อของเดอิฟ โดยพี่ชายของเดอิฟและสมาชิกในครอบครัวอีก 2 คนของเขาถูกสังหาร
แหล่งข่าวใกล้ชิดกับกลุ่มฮามาสกล่าวว่า การตัดสินใจเตรียมการโจมตีที่เกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานั้น มีเดอิฟที่เข้ามามีส่วนร่วม โดยเดอิฟเองเป็นผู้บัญชาการกองพลน้อยอัลกอสซัมของกลุ่มฮามาส พร้อมด้วย เยห์ยา ซินวาร์ ผู้นำของกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา อย่างไรก็ดี มีความชัดเจนว่าใครคือสถาปนิกที่อยู่เบื้องหลัง จากปฏิบัตการต่างๆ ของกลุ่มฮามาส “มี 2 สมอง แต่มีผู้บงการเพียงคนเดียว” แหล่งข่าวกล่าวกับสำนักข่าว Reuters พร้อมระบุเสริมว่า มีผู้นำกลุ่มฮามาสเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ที่ทราบถึงข้อมูลเกี่ยวกับปฏิบัติการโจมตีอิสราเอลในครั้งนี้
แหล่งข่าวที่มีความใกล้ชิดกับเรื่องดังกล่าวระบุว่า ปฏิบัติการของฮามาสต่ออิสราเอลในครั้งนี้เป็นความลับอย่างยิ่ง ซึ่งลับถึงขั้นว่าอิหร่าน ที่เป็นศัตรูตลอดกาลของอิสราเอล และเป็นแหล่งเงินทุน การฝึกอบรม และอาวุธสำคัญของกลุ่มฮามาส รู้เพียงในแง่ทั่วไปว่า ขบวนการฮามาสกำลังวางแผนปฏิบัติการสำคัญอะไรบางอย่าง และอิหร่านไม่ทราบถึงเวลาหรือรายละเอียดใดๆ
แหล่งข่าวยังกล่าวอีกว่า แม้อิหร่านจะทราบว่าฮามาสกำลังเตรียมปฏิบัติการสำคัญอะไรบางอย่างอยู่ แต่อิหร่านไม่มีการพูดคุยกันในห้องปฏิบัติการร่วมใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มฮามาส หรือกลุ่มผู้นำในปาเลสไตน์ หรื อกลุ่มติดอาวุธฮิซบุลเลาะห์ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน และอิหร่านเอง “มัน (การวางแผนปฏิบัติการ) อยู่ในวงที่จำกัดมาก” แหล่งข่าวระบุ
อยาตุลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้มีอำนาจสูงสุดของอิหร่าน กล่าวเมื่อวันอังคาร (10 ต.ค.) ว่า อิหร่านไม่เกี่ยวข้องกับการโจมตีอิสราเอลของฮามาส ในขณะที่สหรัฐฯ กล่าวว่า แม้อิหร่านจะเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด แต่ก็ไม่มีข่าวกรองหรือหลักฐานใดๆ ที่บ่งชี้ให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมโดยตรงของอิหร่าน ในการโจมตีอิสราเอลโดยฮามาสในครั้งนี้
แผนการที่ดาอิฟคิดขึ้น อาศัยความพยายามอันยาวนานในการตบตาศัตรูของพวกเขาอย่างอิสราเอล โดยอิสราเอลถูกชักจูงให้เชื่อว่ากลุ่มฮามาส ซึ่งเป็นพันธมิตรของอิหร่าน และเป็นศัตรูคู่อาฆาตของอิสราเอล ไม่มีความสนใจที่จะเริ่มก่อความขัดแย้ง และมุ่งความสนใจไปที่การพัฒนาเศรษฐกิจในฉนวนกาซาแทน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กลุ่มฮามาสมีอำนาจในการปกครองอยู่
อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวใกล้ชิดกับกลุ่มฮามาสกล่าวว่า ในขณะที่อิสราเอลเริ่มให้สิ่งจูงใจทางเศรษฐกิจแก่คนงานชาวกาซา นักรบฮามาสได้รับการฝึกฝนและฝึกซ้อม ซึ่งมักจะถูกจับตาโดยกองทัพอิสราเอลมาโดยตลอด “เราได้เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ครั้งนี้มาเป็นเวลา 2 ปีแล้ว” อาลี บารากา หัวหน้าฝ่ายความสัมพันธ์ภายนอกของกลุ่มฮามาสกล่าว
เดอิฟกล่าวด้วยน้ำเสียงอันนิ่งเรียบในเทปเสียงของเขาว่า กลุ่มฮามาสกล่าวเตือนอิสราเอลในหลายครั้ง ให้หยุดก่ออาชญากรรมต่อชาวปาเลสไตน์ ปล่อยตัวนักโทษ ซึ่งเดอิฟกล่าวว่าถูกละเมิดและทรมาน และยุติการเวนคืนที่ดินของชาวปาเลสไตน์
“ทุกๆ วัน ระบอบการยึดครอง (ของอิสราเอล) จะบุกโจมตีหมู่บ้าน ย่าน และเมืองต่างๆ ของเราในเขตเวสต์แบงก์ และบุกโจมตีบ้านเรือน สังหาร ทำร้าย ทำลาย และกักขัง ในเวลาเดียวกัน มันก็ยึดที่ดินของเราหลายพันไร่ ถอนรากถอนโคนผู้คนของเราจากบ้านของพวกเขา เพื่อสร้างการตั้งถิ่นฐานในขณะที่การก่ออาชญากรรมยังคงดำเนินต่อไปในฉนวนกาซา”
เป็นเวลากว่า 1 ปีแล้ว ที่มีการเกิดเหตุความวุ่นวายในเขตเวสต์แบงก์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความยาวประมาณ 100 กิโลเมตร และกว้าง 50 กิโลเมตร อันใจกลางของความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ นับตั้งแต่พื้นที่ดังกล่าวถูกอิสราเอลยึดครองไปในปี 2510
เดอิฟกล่าวว่ากลุ่มฮามาสได้เรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศยุติ "อาชญากรรมของการยึดครอง" แต่อิสราเอลกลับยกระดับการยั่วยุของตน นอกจากนี้ เขายังกล่าวด้วยว่าในอดีต กลุ่มฮามาสได้ขอให้อิสราเอลทำข้อตกลงด้านมนุษยธรรม เพื่อปล่อยตัวนักโทษชาวปาเลสไตน์ แต่ฮามาสกลับถูกอิสราเอลปฏิเสธ “ในแง่ของการยึดครอง และการปฏิเสธกฎหมายและมติระหว่างประเทศ และการสนับสนุนจากอเมริกาและตะวันตก และความเงียบระหว่างประเทศ เราจึงได้ตัดสินใจที่จะยุติเรื่องทั้งหมดนี้” เดอิฟกล่าว
เดอิฟเกิดในปี 2508 พร้อมกับชื่อแรกที่พ่อแม่ตั้งให้เขาคือ โมฮัมหมัด มาสรี ณ บริเวณค่ายผู้ลี้ภัยข่านยูนิส ซึ่งก่อตั้งขึ้นหลังสงครามอาหรับ-อิสราเอลในปี 2491 ก่อนที่เขาจะกลายมาเป็นผู้นำกลุ่มติดอาวุธผู้เป็นที่รู้จักในชื่อ โมฮัมเหม็ด เดอิฟ หลังจากเขาเข้าร่วมกับกลุ่มฮามาสในช่วงขบวนการอินติฟาดาครั้งแรก หรือการลุกฮือของชาวปาเลสไตน์เพื่อต่อต้านอิสราเอล ที่เริ่มขึ้นในปี 2530
กฎบัตรก่อตั้งฮามาสที่ประกาศใช้เมื่อปี 2531 เรียกร้องให้มีการทำลายล้างอิสราเอล และกลุ่มฮามาสถูกตราหน้าว่าเป็นองค์กรก่อการร้ายโดยอิสราเอล สหรัฐฯ สหภาพยุโรป แคนาดา อียิปต์ และญี่ปุ่น โดยแม้ว่าบางครั้ง ผู้นำฮามาสจะพยายามเสนอการหยุดยิงระยะยาว หรือที่เรียกว่าฮุดนาในภาษาอาหรับ เพื่อแลกกับรัฐที่สามารถดำรงอยู่ได้ บนดินแดนปาเลสไตน์ทั้งหมดที่อิสราเอลยึดครองในปี 2510 แต่อิสราเอลกลับมองว่าข้อเสนอดังกล่าวของฮามาสเป็นเพียงแค่กลอุบาย
แหล่งข่าวของกลุ่มฮามาสระบุว่า เดอิฟเคยถูกทางการอิสราเอลจับกุมตัวในปี 2532 และถูกควบคุมตัวเป็นเวลาประมาณ 16 เดือน อย่างไรก็ดี เดอิฟได้รับปริญญาด้านวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยอิสลามในฉนวนกาซา ที่ที่เขาเข้าศึกษาวิชาฟิสิกส์ เคมี และชีววิทยา เดอิฟยังมีความหลงใหลในศิลปะ ทั้งนี้ เขาเป็นหัวหน้าคณะกรรมการบันเทิงของมหาวิทยาลัย และเคยขึ้นแสดงละครตลกบนเวทีมาก่อน
ในการเลื่อนยศในกลุ่มฮามาส เดอิฟได้พัฒนาเครือข่ายอุโมงค์ และความเชี่ยวชาญในการทำระเบิดของกลุ่มฮามาส ทั้งนี้ เขาอยู่ในรายชื่อผู้ที่เป็นที่ต้องการตัวมากที่สุดของอิสราเอลมานานหลายทศวรรษ ด้วยข้อกล่าวหาว่าเดอิฟมีส่วนรับผิดชอบ ต่อการเสียชีวิตของชาวอิสราเอลหลายสิบคนจากเหตุระเบิดฆ่าตัวตาย
สำหรับตัวเดอิฟเอง การอยู่ในเงามืดเป็นเรื่องของความเป็นความตายของเขา โดยแหล่งข่าวของกลุ่มฮามาสกล่าวว่า เขาสูญเสียดวงตาไปข้างหนึ่ง และได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ขาข้างหนึ่ง จากความพยายามลอบสังหารเขาในครั้งหนึ่งของอิสราเอล นอกจากนี้ ภรรยา ลูกชายวัย 7 เดือน และลูกสาววัย 3 ขวบของเดอิฟ ยังเสียชีวิตจากการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลในปี 2557 ด้วย
การอยู่รอดของเดอิฟ ในขณะที่เขาทำการควบคุมกองกำลังติดอาวุธของกลุ่มฮามาสไปด้วยนั้น ส่งผลให้เดอิฟได้รับการยกย่องจากกลุ่มฮามาส เป็นวีรบุรุษในตำนานของชาวปาเลสไตน์ ทั้งนี้ ในทุกการแถลงผ่านวิดีโอ เดอิฟจะสวมหน้ากาก หรือวิดีโอจะแสดงให้เห็นเพียงภาพเงาของเขา รายงานยังระบุอีกว่า เดอิฟไม่ได้ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลสมัยใหม่ใดๆ อาทิ สมาร์ทโฟน นอกจากนี้ แหล่งข่าวใกล้ชิดกับกลุ่มฮามาสกล่าวว่า เดอิฟ “เป็นคนที่เข้าใจยาก เขาคือชายในเงามืด”
ที่มา: