ไม่พบผลการค้นหา
ประชาชนในฉนวนกาซาที่สิ้นหวัง กำลังลี้ภัยไปทางตอนใต้ใต้ด้วยรถยนต์ รถบรรทุก รถเข็น และเดินเท้าเมื่อช่วงวันเสาร์ที่ผ่านมา (14 ต.ค.) ท่ามกลางความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต จากการถูกโจมตีทางอากาศบนท้องถนน ทั้งนี้ การอพยพหลบหนีออกจากฉนวนกาซาของประชาชนในครั้งนี้ เกิดขึ้นจากวี่แววของการโจมตีภาคพื้นดินโดยอิสราเอลที่ใกล้เข้ามาถึง ณ บริเวณพื้นที่ทางตอนเหนือของฉนวนกาซาที่ถูกปิดล้อม

เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล กล่าวผ่านทางวิดีโอกับกองทหารอิสราเอล ที่ได้รวมกำลังพลกันอยู่ทางตอนใต้ของประเทศว่า “ขั้นต่อไปกำลังมาแล้ว” ทั้งนี้ กองทัพอิสราเอลประกาศเมื่อเย็นวันเสาร์ว่า กองทัพอิสราเอลกำลังเตรียม “ปฏิบัติการภาคพื้นดินที่สำคัญ”

แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบีย เรียกร้องให้ทุกฝ่ายมีความอดทนอดกลั้น และเรียกร้องให้มีการคุ้มครองพลเรือนทั้งในฉนวนกาซาและอิสราเอล

สำหรับประชากร 2.3 ล้านคนในฉนวนกาซา พวกเขามีตัวเลือกที่จำกัด ในขณะที่ทุกคนกำลังขาดแคลนอาหาร น้ำ เชื้อเพลิง และเวชภัณฑ์ และพวกเขาต้องเผชิญกับการนองเลือด และความทุกข์ยากที่ทวีความรุนแรงขึ้น หากการต่อสู้ของอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสมีความรุนแรงเพิ่มขึ้น

ประชาชนผู้บริสุทธิ์คนอื่นๆ ยังกลัวด้วยว่าพวกเขาจะถูกฆ่าตายกลางถนน หลังจากมีรายงานขบวนรถอพยพพลเรือนกองหนึ่งถูกทิ้งระเบิดเมื่อบ่ายวันศุกร์ (13 ต.ค.) ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 70 ราย รวมถึงผู้หญิงและเด็ก บนถนนซาลาห์อัลดิน ซึ่งเป็นทางสัญจรสายหลักของการอพยพ ที่อิสราเอลประกาศว่ามีความปลอดภัยภายในช่วง 1 ชั่วโมงก่อหน้าเหตุทิ้งระเบิดดังกล่าว

เหยื่อในฉนวนกาซาเหล่านี้ เป็นส่วนหนึ่งของยอดผู้เสียชีวิตจากการโจมตีทางอากาศของอิสราเอล ซึ่งเมื่อเย็นวันเสาร์มียอดผู้เสียชีวิตรวมกันแล้วมากกว่า 2,200 ราย โดยในจำนวนนั้นเป็นเด็ก 724 คน และผู้หญิง 458 คน ตามข้อมูลที่รายงานโดยกระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์

ปัจจุบันนี้ ไม่มีทางที่ผู้คนจะเดินทางออกไป หรือได้รับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่จะเข้ามาในฉนวนกาซาได้ เนื่องจากอิสราเอลได้ปิดการผ่านแดนทั้งหมด ในขณะที่อียิปต์ที่ได้เสริมกำลังการข้ามชายแดนกล่าวว่า อียิปต์เองจะไม่อนุญาตให้ผู้ลี้ภัยเดินทางเข้ามาในประเทศ อย่างไรก็ดี พลเมืองต่างชาติในฉนวนกาซาได้รับข้อเสนอสั้นๆ โดยหวังว่าพวกเขาอาจได้รับอนุญาตให้ออกจากพื้นที่ได้ ภายใต้ข้อตกลงที่ทำร่วมกันโดยอียิปต์ อิสราเอล และสหรัฐฯ

อิสราเอลให้คำมั่นว่า พวกเขาจะกำจัดกลุ่มฮามาสให้หมดสิ้น หลังจากที่นักรบของฮามาสบุกทะลุรั้วเทคโนโลยีขั้นสูง รอบๆ พื้นที่ฉนวนกาซาทางตอนใต้ของอิสราเอล และก่อเหตุความไม่สงบอย่างร้ายแรง ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 1,300 ราย โดยผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นพลเรือนอิสราเอล นอกจากนี้ ฮามาสยังจับตัวประกันชาวอิสราเอลได้อีกหลายสิบคนเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

ก่อนการปฏิบัติการภาคพื้นดิน กองทัพอิสราเอลได้เตือนพลเรือนมากกว่า 1 ล้านคนให้เดินทางหนีออกจากพื้นที่ทางตอนเหนือของฉนวนกาซา ซึ่งเดิมทีมีกำหนดเวลาภายในช่วงเช้าวันเสาร์ และขยายออกไปจนถึงช่วงเย็น ทั้งนี้ อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวว่าการเคลื่อนย้ายมวลชนจำนวนมากข้ามเขตสงครามที่ยังคงดำเนินอยู่นั้น “เป็นอันตรายอย่างยิ่ง และในบางกรณีก็เป็นไปไม่ได้เลย”

แพทย์กำลังทำงานอย่างหนัก เพื่อรับมือกับผู้ได้รับบาดเจ็บในโรงพยาบาลที่เต็มไปด้วยผู้ป่วย และผู้คนที่ต้องการที่พักพิงจากระเบิดและขีปนาวุธ นอกจากนี้ ยังมีความกังวลเพิ่มมากขึ้นว่าการสื่อสารจะถูกตัดขาดลง เนื่องจากชาวปาเลสไตน์ทั่วฉนวนกาซาไม่มีไฟฟ้าใช้ หรือพวกเขาไม่สามารถเข้าถึงเครือข่ายโทรศัพท์ ซึ่งเป็นจำนวนที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

กองทัพอิสราเอลกล่าวว่า พวกเขากำลังเตรียมการทำสงครามระยะยาวในฉนวนกาซา ซึ่งกลุ่มฮามาสได้เตรียมการป้องกัน รวมถึงเครือข่ายอุโมงค์มานานหลายปี ทั้งนี้ อิสราเอลมีการระดมกองหนุนประมาณ 360,000 นาย ซึ่งเป็นจำนวนกองหนุนที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของอิสราเอล ในขณะที่ขบวนรถถังของอิสราเอลได้รวมตัวกันใกล้ชายแดน และทหารบางส่วนได้ปฏิบัติการภาคพื้นดินเบื้องต้นในฉนวนกาซาแล้วเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

โฆษกกองทัพอิสราเอลกล่าวว่า กองกำลังอิสราเอลที่ได้รับการสนับสนุนจากรถถัง ได้ดำเนินการจู่โจมเพื่อโจมตีสมาชิกกองกำลังยิงจรวดฮามาส และรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งของตัวประกัน นอกจากนี้ กองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) ยังกล่าวอ้างว่า พวกเขาได้สังหาร มูราด อาบู มูราด หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการทางอากาศของฮามาสด้วย

อย่างไรก็ดี อิสราเอลไม่ได้ระบุรายละเอียดของวัตถุประสงค์ในปฏิบัติการในฉนวนกาซา นอกเหนือจากการทำลายกลุ่มฮามาส ทั้งนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวถามเมื่อวันเสาร์ว่า ชัยชนะทางทหารของอิสราเอลจะเป็นอย่างไร พล.ท.ริชาร์ด เฮชท์ โฆษก IDF กล่าวว่า “นั่นเป็นคำถามใหญ่ ผมไม่คิดว่าตอนนี้ผมมีความสามารถที่จะตอบคำถามนั้นได้”

ชาวปาเลสไตน์และเจ้าหน้าที่ระดับภูมิภาคบางคนกล่าวว่า พวกเขากังวลว่าเป้าหมายสูงสุดของอิสราเอล จะไม่เป็นเพียงแค่การทำลายกลุ่มฮามาสเท่านั้น แต่จะเป็นการผลักดันชาวปาเลสไตน์ให้ออกจากฉนวนกาซาด้วย โดยความกังวลดังกล่าวสะท้อนถึงเหตุการณ์นัคบา ซึ่งเป็นคำภาษาอาหรับที่หมายถึงการขับไล่ชาวปาเลสไตน์ประมาณ 750,000 คนออกจากพื้นที่ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเป็นดินแดนปาเลสไตน์ที่สหราชอาณาจักรเคยควบคุม ภายใต้อาณัติของอังกฤษในระหว่างการสถาปนาอิสราเอลในปี 2491

สำนักข่าว Reuters รายงานว่า กลุ่มฮามาสวิจารณ์โฆษณาชวนเชื่อคำสั่งอพยพของอิสราเอล และมีการประกาศเสียงผ่านทางมัสยิดในฉนวนกาซา ที่เรียกร้องให้ประชาชนยังคงอยู่ในฉนวนกาซาต่อ “ยึดมั่นในบ้านของคุณ ยึดมั่นในดินแดนของคุณ” เสียงประกาศระบุ ในขณะที่ประชาชนในฉนวนกาซานับหมื่นคนกำลังเดินทางมุ่งหน้าไปทางตอนใต้ของฉนวนกาซา

กิลาด เออร์ดาน เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำสหประชาชาติกล่าวว่า คำเตือนในการอพยพคือการ “ให้เคลื่อนย้าย (ผู้คน) ลงใต้ชั่วคราว… เพื่อบรรเทาความเสียหายของพลเรือน” พร้อมระบุเสริมว่าสหประชาชาติควร “ยกย่องอิสราเอลสำหรับการดำเนินการป้องกันไว้ก่อนเหล่านี้” 

อย่างไรก็ดี ความเชื่อมั่นของอิสราเอลต่อกองทัพและหน่วยข่าวกรอง ถูกสั่นคลอนจากการโจมตีดังกล่าวโดยกลุ่มฮามาส และถึงแม้จะมีเสียงสนับสนุนจากประชาชน สำหรับปฏิบัติการทางทหารต่อกลุ่มฮามาสบางรูปแบบ แต่รัฐบาลยังประสบกับความโกรธเคืองอย่างมากจากประชาชนเช่นกัน หลังจากที่มีผู้ประท้วงมารวมตัวกันในใจกลางกรุงเทลอาวีฟ เพื่อประท้วงต่อต้านการจัดการวิกฤตของรัฐบาล และการขาดข้อมูลเกี่ยวกับผู้เสียชีวิตและผู้สูญหายหลายสิบคน ซึ่งเชื่อกันว่าถูกจับเป็นตัวประกันในฉนวนกาซา โดยผู้ประท้วงต่างตะโกนว่า “บีบีเข้าคุก” ซึ่งเป็นชื่อเล่นของเนทันยาฮู


ที่มา:

https://www.theguardian.com/world/2023/oct/14/the-next-stage-is-coming-israel-issues-warning-as-residents-flee-gaza-assault?CMP=Share_AndroidApp_Other&fbclid=IwAR2gMvcNhMDT31e35rX2rVBnRAoupjcaEEv029gUsYOXv-IMTraqkr7p5lk