เมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวว่า การที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ หาเสียงโดยอภิปรายว่า แผ่นดินไทยมีไว้เพื่อคนรักชาติและอ้างอิงสถาบันพระมหากษัตริย์
โดยไล่ให้คนไทยที่ไม่รักชาติย้ายไปอยู่ต่างประเทศนั้น เป็นเรื่องไม่สมควรในการอ้างอิงสถาบันของชาติมาหาเสียงทางการเมือง ซึ่ง กกต.ได้ห้ามไว้แล้ว และต้องมีจดหมายเตือนไปยังพรรครวมไทยสร้างชาติอีกครั้ง
อยากเรียกร้องให้พรรคการเมืองทุกพรรคหาเสียงด้วยความสร้างสรรค์ ไม่ใช่อ้างอิงชาติ ศาสนา และสถาบัน มาหาเสียงแบบเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น อยากถามว่าที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ รักชาติแบบไหน ถึงยกแผ่นดินให้ต่างชาติเช่าและซื้อได้ผ่านกฎหมายบีโอไอ จนต่างชาติเข้ามาครอบครองที่ดินมหาศาล ให้สิทธิประโยชน์มากมายกว่าคนในชาติอีก และประเคนภาษีของประชาชนเจ้าของประเทศไปให้นายทุนเอกชนร่ำรวยจากการรับซื้อไฟฟ้าที่ล้นเกิน
"ไม่อยากให้พรรคการเมืองหาเสียงด้วยการสร้างความเกลียดชัง และสร้างความขัดแย้ง เสียดายที่ท่านจบนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ แล้วลืมคำขวัญมหาวิทยาลัยที่ว่า เสียดายที่จบนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ แต่ลืมคำขวัญมหาวิทยาลัยที่ว่า ฉันรักธรรมศาสตร์เพราะธรรมศาสตร์สอนให้ฉันรักประชาชน ขณะที่คำขวัญจุฬาฯ คือ เกียรติภูมิจุฬาฯ คือเกียรติแห่งการรับใช้ประชาชน ส่วน ม.เกษตรศาสตร์ คือ ประชาชนเป็นเจ้าของประเทศ เกษตรศาสตร์เป็นภาษีของประชาชน อยากถามว่า ประชาชนคือเจ้าของประเทศ ท่านจะไล่ให้ประชาชนเขาย้ายไปไหน ทุกคนต่างหวังดีต่อบ้านเมืองทำไมไม่หันหน้าเข้าหากันเพื่อสร้างประเทศใหม่ที่สดใสแข็งแรง เป็นแผ่นดินที่ผาสุกสันติของคนไทยทั้งปวง ไม่ใช่กลายเป็นสวรรค์ของคนมีเงิน ของทุนสีเทา หรือผู้ก่อการร้ายข้ามชาติที่เข้ามาหลบซ่อนตัวจำนวนมาก"
ผมเห็นว่า การหาเสียงและนโยบายของแต่ละพรรคการเมืองจะนำพาประเทศไปสู่อนาคตที่ดีของประเทศและประชาชนได้อย่างไร มากกว่าการเสนอนโยบายประชานิยม คำถามสำคัญคือ การเมืองไทยจะก้าวข้ามผลประโยชน์ทับซ้อนและธุรกิจการเมืองได้อย่างไร
ดังนั้น การหาเสียงทางการเมืองต้องไม่ส่งเสริมความรุนแรง และสร้างความขัดแย้ง หรือสร้างความเกลียดชัง ต้องไม่อ้างสถาบันพระมหากษัตริย์มาหาเสียง และสร้างความขัดแย้งทางการเมืองเพื่อหวังผลคะแนนเสียงจากการเลือกตั้ง โดย ครป. และเครือข่ายภาคประชาชน จะมีการแถลงข้อเสนอต่อพรรคการเมือง ต่อผู้สมัครรับเลือกตั้ง และต่อ กกต. ในวันพรุ่งนี้ เวลา 13.30 น. ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา