นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) แสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกันการเลื่อนกำหนดเลือกตั้ง หลังจากรับฟังข่าวสารและเหตุผลทั้งสองด้านมาโดยตลอด แต่พบว่าทั้งรัฐบาลและ กกต. ยังไม่สามารถชี้แจงเหตุผลที่ชัดเจนในการเลือกตั้งได้เลย และไม่ชัดเจนว่าเมื่อไหร่จะกำหนดวันเลือกตั้ง ซึ่งหากเลื่อนเลือกตั้งไปเกินกว่า 150 วันนับจากพระราชบัญญัติอาจจะขัดกับรัฐธรรมนูญ
ขณะที่บ้านเมืองเสียหายมามากแล้ว หลังการยึดอำนาจ และไม่มีช่องทางแก้ปัญหาเศรษฐกิจตราบใดที่อยู่ภายใต้รัฐบาล คสช. การเลือกตั้งจึงเป็นทางเดียวที่จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ ตนจึงเห็นว่าควรจัดการเลือกตั้งตามกำหนดการเดิมในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ไม่ต้องเลื่อนเลือกตั้ง เพื่อให้ตัวแทนของประชาชนเข้ามาแก้ปัญหาให้ประเทศชาติโดยเร็ว
อย่างไรก็ตาม นายจาตุรนต์มีข้อห่วงใย หากเลื่อนเลือกตั้งว่า รัฐบาลอาจใช้อำนาจและงบประมาณสนับสนุนการหาเสียงของพรรคการเมืองที่สนับสนุนรัฐบาลนี้ รวมทั้งใช้อำนาจรัฐหรือกลไกของฝ่ายตำรวจและรัฐบาลเข้าไปจัดการกับนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล รวมถึงการแทรกแซงองค์กรอิสระที่ไปจัดการกับพรรคการเมืองที่อยู่ฝั่งตรงข้ามด้วย ซึ่งเหตุการณ์เล่านี้ก็เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน
นอกจากนี้ ตนยังได้ทราบข่าวว่า มีนักการเมืองไปพูดว่าตนมีโควต้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอยู่ที่ตัวคนละ 20,000 ใบ เพื่อแจกให้กับประชาชนที่เลือกตนเอง และเก็บบัตรประชาชนในบางพื้นที่เพื่อแลกกับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นพื้นที่ที่เป็นฐานของพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาล
นายจาตุรนต์ ยังแสดงความกังวลต่อระเบียบการเลือกตั้งของ กกต. 2 ข้อ คือ การไม่ให้อำนาจผู้สังเกตุการณ์ที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งของแต่ละพรรคการเมืองเลือกเข้ามาสังเกตุการณ์ทุกหน่วยเลือกตั้ง แต่ไม่มีอำนาจในการโต้เถียง, หรือคัดค้าน รวมทั้งไม่สามารถถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐานด้วย และการจัดเก็บหีบเลือกตั้งของผู้ที่ลงคะแนนล่วงหน้าก็ยังไม่ชัดเจน ว่าจะเก็บไว้ที่ไหน หรือใครเป็นผู้ดูแล ซึ่งหากไม่มีการเก็บ เฝ้า หรือปิดหีบ ที่มีมาตรฐานกลาง อาจให้คุณให้โทษกับผู้สมัครได้
ทั้งนี้ นายจาตุรนต์ ย้ำว่า ต้องการให้มีการเลือกตั้งตามกำหนดเดิมและพรรคไทยรักษาชาติมีความพร้อมเสมอ
ด้านนายพิชัย นริพทะพันธุ์ ประธานคณะทำงานเศรษฐกิจ ทษช. กล่าวว่า การเลื่อนการเลือกตั้งแม้ว่าจะมีเหตุอันควร แต่จะสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างมาก ทั้งนี้เพราะมีการเลื่อนการเลือกตั้งมาก่อนหน้านี้แล้วหลายหน ทำให้ความเชื่อมั่นของต่างประเทศลดลงอย่างมากจนแทบไม่เหลือ การลงทุนจากต่างประเทศที่กำลังจะเข้ามาต้องชะลอออกไปหรือย้ายไปลงทุนประเทศเพื่อนบ้านแทน เหมือนที่เป็นมาตลอด 4 ปีกว่านี้ ที่การลงทุนจากต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนในอาเซียนเพิ่มขึ้น แต่ไม่ลงทุนในไทย เพราะย้ายไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านหมด
ตลอด 4 ปีกว่าที่ผ่านมาการลงทุนจากต่างประเทศหายไปอย่างมาก รวมถึงการลงทุนภาคเอกชนของนักลงทุนไทยด้วย ซึ่งส่งผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ก้าวไปในอนาคตได้ และเป็นการเสียโอกาสอย่างมาก อีกทั้งการที่ไม่สามารถกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ที่แน่นอนได้ ยิ่งแสดงถึงความด้อยประสิทธิภาพของระบบการเลือกตั้งของประเทศทั้งหมด ดังนั้นจึงอยากเรียกร้องให้มีคงการเลือกตั้งในวันที่ 24 กุมภาพันธ์นี้ เพื่อสร้างความมั่นใจของประเทศให้กลับมาโดยเร็ว