หลังการลงจากอำนาจของราชปักษา สืบเนื่องจากการที่ประชาชนประท้วงกันมานานหลายเดือน ปัจจุบัน ศรีลังกากำลังจะทำการเลือกหัวหน้าฝ่ายบริหารคนใหม่ของประเทศ เพื่อขึ้นมานั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีแทนราชปักษา และบริหารประเทศจากภาวะความแตกแยกทางการเมือง และภาวะเศรษฐกิจล้มละลาย ซึ่งนับเป็นวิกฤตที่เลวร้ายที่สุด นับตั้งแต่ศรีลังกาได้รับเอกราชจากสหราชอาณาจักรเมื่อ 70 ปีก่อน
ประชาชนชาวศรีลังการู้สึกยินดีจากการลงจากอำนาจของราชปักษาได้ไม่นาน ก่อนที่พวกตนจะเริ่มเกิดความไม่พอใจอีกครั้ง หลังจากที่วิกรมสิงเหได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็นรักษาการประธานาธิบดี จนกว่ารัฐสภาศรีลังกาจะเปิดการประชุม เพื่อลงมติเลือกว่าใครจะขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีของประเทศคนใหม่อย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ วิกรมสิงเหยังคงทำหน้าที่ปฏิบัติการแทนประธานาธิบดีอยู่ในตอนนี้
วิกรมสิงเหขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของศรีลังกาแล้วกว่า 5 ครั้ง และวิกรมสิงเหเองถูกโจมตีจากประชาชนผู้โกรธแค้นว่า ตนพยายามปกป้องตระกูลราชปักษาที่ครองอำนาจในศรีลังกามานานกว่าสองทศวรรษจากคดีการทุจริต และเป็นนอมินีเพื่อปูทางให้ตระกูลราชปักษา กลับมาครองอำนาจในศรีลังกาอีกครั้ง การประท้วงของประชาชนกลับไม่ทำให้วิกรมสิงเหลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่กลับประกาศลงท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีศรีลังกาแทน
วิกรมสิงเหจะเป็นแคนดิเคตประธานาธิบดีของพรรคศรีลังกา โพดูจานา เปรามุน (SLPP) ของตระกูลราชปักษา ซึ่งยังคงครองเสียงข้างมากในรัฐสภาศรีลังกา ทั้งนี้ มีโอกาสสูงมากที่วิกรมสิงเหจะได้รับการเลือกจากรัฐสภา ให้ขึ้นครองอำนาจฝ่ายบริหารต่อจากราชปักษา ส่งผลให้เกิดความท้อใจและโกรธแค้นจากประชาชนที่ประท้วงอยู่บนท้องถนน เพื่อขับไล่ตระกูลราชปักษาออกจากการเมืองประเทศ
ก่อนหน้านี้ วิกรมสิงเหประกาศให้กองทัพทำ “อะไรก็ได้เท่าที่จำเป็นเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย” หลังจากประชาชนบุกเข้ายึดสำนักนายกรัฐมนตรีของศรีลังกา ความกังวลของประชาชนถูกตอกย้ำให้ขยายตัวขึ้น หลังจากวิกรมสิงเหเรียกประชาชนว่าเป็น “พวกฟาสซิสต์” และ “พวกหัวรุนแรง” ทั้งนี้ ประชาชนโจมตีว่าวิกรมสิงเหขาดความชอบธรรมในทางการเมือง และเมินเฉยต่อความต้องการของประชาชนผู้ประท้วง
อย่างไรก็ดี วิกรมสิงเหจะยังคงต้องแข่งขันกับแคนดิเดตคนอื่นๆ ด้วยการลงคะแนนเสียงของรัฐสภาแบบลับในช่วงสัปดาห์หน้า โดยหนึ่งในนั้น คือ สชิธ เปรมาดาสะ ผู้นำฝ่ายค้านศรีลังกาที่ประกาศว่า ตนจะท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของประเทศมาให้ได้เพื่อที่ “เผด็จการจะเกิดขึ้นไม่ได้” และตนจะไล่ล่าผู้นำที่ “ปล้นสะดม” ประเทศไป
เมื่อช่วงวันเสาร์ที่ผ่านมา (16 พ.ค.) รัฐสภาศรีลังกาได้เปิดประชุมสั้นๆ ก่อนการอ่านคำแถลงจากหนังสือลาออกของราชปักษา ที่ถูกส่งผ่านอีเมลมาจากสิงคโปร์ โดยเป็นคำพูดแรกของราชปักษา ที่ถูกเปิดเผยต่อประชาชนในที่สาธารณะว่าตนยังคง “ทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่อประเทศชาติ” ก่อนย้ำว่า “ในอนาคต ผมจะอุทิศตนต่อประเทศชาติ”
ที่มา: