วันที่ 29 ม.ค. 2566 ที่โรงแรมไซต์ริเวอร์แคว จังหวัดกาญจนบุรี แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมพรรคเพื่อไทยระบุถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ปราศรัยในเวทีของพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) ที่จังหวัดชุมพร ว่ารัฐบาลปัจจุบันมีผลงานมากกว่าทุกรัฐบาลและเกทับขอเวลาอีก 2 ปีพลิกโฉมประเทศว่า 8ปีก็พลิกโฉมประเทศเหมือนกัน ตนก็จะดู 2 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไรก็อยู่ที่ประชาชน เพราะเราต้องการให้ประชาชนอยู่มา 8 ปีลืมตาอ้าปากได้ตามนโยบายหลักของพรรคเพื่อไทย

ถามย้ำว่า พล.อ.ประยุทธ์ เกทับว่าทำมากกว่าหลายรัฐบาล แพทองธาร หัวเราะพร้อมบอกว่า “เดดแอร์เลย”

ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ระบุว่า ไม่ใช่เรื่องการเกทับแต่เป็นเก๊ทับมากกว่า สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศ และประชาชนอยู่มา 8 ปีนั้นสวนทางกัน ถ้าหาก พล.อ.ประยุทธ์สร้างประโยชน์ให้กับประชาชนได้จริง 8 ปีที่ผ่านมาจะไม่มีพรรคการเมืองไหนประกาศเป็นผู้แข่งขันได้เลย การสำรวจ คะแนนนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์ก็อยู่ในลำดับท้ายซึ่งตนคิดว่าการตัดสินใจ เลือกเป็นสิทธิ์ของประชาชน ดังนั้นเวทีครอบครัวเพื่อไทยก็จะเดินหน้าต่อไป และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยก็จะเปิดนโยบายหลังเตรียมประกาศยุบสภาฯ จึงอยากให้ พ.อ.ประยุทธ์ รอฟังการแถลงนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่หน้าจอทีวี

ณัฐวุฒิ ระบุว่าพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนักการเมืองมาตั้งแต่เป็นผู้นำกองทัพและฝังตัวในกลไกรัฐ ใช้กองทัพเล่นการเมืองโดยใช้ทรัพยากรที่มาจากภาษีประชาชน ดังนั้นการขึ้นเวทีปราศรัยของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นเพียงการปลดหน้ากากให้ประชาชนเห็นว่าที่จริงๆ ตัวเองเป็นนักการเมืองมาตลอด ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติจะเดินหน้าอย่างไรก็เป็นโจทย์ของสองพรรคคือพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติ ส่วนพรรคเพื่อไทยเราคิดแต่การแก้ปัญหาประชาชน

ส่วน แพทองธารระบุว่ายังไม่ได้ฟังการปราศรัยแต่ดูเพียงสื่อเท่านััน

ส่วนการปราศรัยของ ไตรรงค์ สุวรรณคีรี แกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ปราศรัยโจมตี ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โกง ถ้าระบอบทักษิณ ยังอยู่จะทำให้ประเทศไทยเหลือแต่เสา แพทองธาร กล่าวว่า สมัยที่ ดร.ทักษิณ เป็นนายกฯ มีนโยบายมากมายให้ประเทศ คงไม่ได้เหลือแต่เสา 

“การพูดแบบนี้เป็นวาทะทางการเมืองตัดทอน บั่นทอน เพราะพรรคเพื่อไทยก็หาเสียงเต็มที่ เอาผลงานที่เคยมีมาให้ประชาชนเห็นมาตอกย้ำ แต่เขาไม่มีของจริง เขาก็ต้องเอาแบบนี้มา แน่นอนเป็นเกมใส่สี” 

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุว่า การปราศรัยเช่นนี้ของนายไตรรงค์ต้องระวังข้อกฎหมายเพราะเป็นการใส่ร้ายทางการเมือง ต้อวพิสูจน์ว่าระบอบทักษิณ ปลุกผีมาสู้ตลอดกับระบอบประยุทธ์ที่เขาอยู่มา 8 ปีที่ต้องให้ประชาชนประเมินด้วยสายตา เราก็มองว่าระบอบประยุทธ์ที่เข้ามาก็ทำลายทุกอย่าง ทำลายสิทธิเสรีภาพทำลายประชาธิปไตยของประชาชน และยังทำลายโอกาสซึ่งก็ต้องมาพิสูจน์กัน ว่าเป็นที่ยอมรับของพี่น้องประชาชนหรือไม่ ดังนั้นต้องฝากด้วยความระมัดระวังว่านายไตรรงค์อายุก็มากแล้วความเป็นผู้ใหญ่ สมองก็ควรจะมากตามอายุด้วย

ถามถึงกรณี วันชัย สอนศิริ ส.ว. โพสต์เฟซบุ๊กระบุพรรคเพื่อไทยแลนด์สไลด์รวมกับพรรคก้าวไกลก็ยังไม่ถึง 376 เสียงก็ไม่สามารถตั้งป็นรัฐบาลได้ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า อันนี้เป็นความเห็นที่แรงมากนะเพราะทุกคนอยู่ในระบอบประชาธิปไตย ความเห็นแบบนี้ไม่ดี เพราะไม่เคารพเสียงของประชาชน และนายวันชัย ไม่ควรพูดในประเทศที่มีระบอบประชาธิปไตยเราต้องเคารพเสียงประชาชน ซึ่งไม่ถูกต้อง 

ณัฐวุฒิ ระบุว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยและแนวร่วมฝ่ายค้าน แม้ ส.ว.บอกว่าจะได้ 300 เสียงก็ตั้งรัฐบาลไม่ได้ เรื่องนี้เป็นการกดหัวประชาชน ทำให้เป็นเหตุผลที่พรรคเพื่อไทยต้องแลนด์สไลด์ เพราะถ้าชนะไม่เด็ดขาด สิ่งที่คนพวกนี้พูดไว้ก็จะเกิดขึ้น และจะยาวไปถึงวาระแก้ไขรัฐธรรมนูญให้อยู่ยาว 8 ปีและจะทพให้พวกเขารักษาอำนาจได้ เราจึงมีที่พึ่งเดียวคือถ้าพรรคแนวร่วมฝ่ายค้านรวมกันได้ 300 เสียงแล้วจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ ตนไม่เชื่อ ถ้าทำเช่นนั้นก็พิสูจน์กัน

ขณะที่ แพทองธารพูดเสริมนายณัฐวุฒิว่า “เป็นคอมเมนต์ที่น่าอายและไม่ให้เกียรติประชาชน” 

ถามว่าถ้าพรรคเพื่อไทยได้เสียงเกิน 250 ส.ส. ขึ้นไปแล้ว ส.ว.ควรโหวตนายกฯ ตามมติของประชาชนหรือไม่ นพ.ชลน่าน ระบุว่า ที่พรรคเพื่อไทยรณรงค์ให้ได้ ส.ส.250 เสียงเพื่อทำแต้มต่อกับ ส.ว. 250 คน เราประกาศเกิน250 เสียงเพื่อให้ได้อาณัติจากประชาชน โดยเสียงข้างมาก เรามั่นใจ ส.ว.จะมีจิตสำนึกและความรับผิดชอบ เพราะเมื่อประชาชนมอบเสียงให้พรรคเพื่อไทยแล้ว ส.ว.ก็ไม่มีสิทธิปฏิเสธเป็นอื่นเพราะว่า ส.ว.ต้องมาร่วมโหวต ส่วนจะโหวตให้ใครก็อีกเรื่องหนึ่ง ที่สำคัญถ้าพรรคเพื่อไทยได้ ส.ส. 250 เสียง ทาง ส.ว.จะโหวตให้ พล.อ.ประยุทธ์ หรือใครเป็นนายกฯ แล้วให้ใครเป็นนายกฯ นั้นเพื่อให้ได้เสียงข้างน้อยมาเป็นรัฐบาล ถือเป็นการทำร้ายประเทศชาติและประชาชน แค่โหวตร่าว พ.ร.บ.งบประมาณฯ ก็ไม่ผ่านแล้ว โหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ไม่ผ่านแล้วจะทำไปทำไม จึงต้องถามจิตสำนึกด้วย

ถามถึงกรณีที่ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ประกาศใช้แล้วควรยุบสภาได้หรือยัง นพ.ชลน่าน กล่าวว่า การยุบสภาไม่เกี่ยวกับการประกาศกฎหมายลูก เมื่อมีกฎหมายลูกแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ควรรีบคืนอำนาจให้กับประชาชนก่อน แม้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะขอเวลาเพื่อเตรียมการกฎหมายก่อน แต่เมื่อประชาชนพร้อมแล้วนายกฯก็ควรพิจารณาถึงเรื่องยุบสภา

นพ.ชลน่าน ยังระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ ควรรอให้สภาฯ มีการอภิปรายทั่วไป ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 เพราะการชี้แจงในสภาฯ นายกฯ และรัฐบาลสามารถชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาในสภาฯ ได้ และเป็นมุมที่ดีที่รัฐบาลจะสามารถรับฟังข้อเสนอแนะของฝ่ายค้าน แต่ถ้า นายกรัฐมนตรีใช้อำนาจยุบสภาฯ ก่อน สิ่งที่ฝ่ายค้านจะอภิปรายจะถูกเปิดเผยและถูกถามในเวทีสาธารณะทุกเวที เวทีปราศรัยทุกเวทีจะมาถามแทน และไม่ได้รับการชี้แจง ดังนั้น อย่ายุบสภาก่อนอภิปรายทั่วไปมาตรา 152 ส่วนไทม์ไลน์ที่เหมาะสมต่อการยุบสภาฯ นั้น ถ้าดูตามเงื่อนไขของกฎหมายลูกแล้วทาง กกต.ก็น่าจะวางแผนเตรียมความพร้อม บางส่วนเตรียมกันแล้ว

นพ.ชลน่าน ระบุว่า หากมีการยุบสภาฯ พรรคเพื่อไทยพร้อมเปิดนโยบายและแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคได้ทันที พอยุบสภาฯ จะเติมนโยบายที่เป็นความหวังเป็นหมัดเด็ด 7 นโยบาย

นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวยังถามถึงโอกาสที่ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะเดินทางกลับประเทศไทย นพ.ชลน่าน ระบุว่า ประเด็นนี้ไม่อยากวิพากษ์ การกลับมาของ ดร.ทักษิณ ท่านพูดเองในรายการกลุ่มแคร์ที่จัดในคลับเฮาส์ ไม่เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทยหรือใช้กฎหมายพิเศษให้ท่านกลับมา 

นพ.ชลน่าน ระบุว่า การกลับมาของ ดร.ทักษิณ ไม่มีผลต่อพรรคเพื่อไทย ถามว่ามีผลต่อแลนด์สไลด์หรือไม่ ส่วนมุมบวกพี่น้องที่ยังรักดร.ทักษิณ ยังรออดีตนายกฯ และจะทุ่มเทคะแนนเสียงให้กับพรรคเพื่อไทยอย่างมั่นคงเชื่อมั่น เพราะฝ่ายที่ต้องการเกมปิดกั้นพรรคเพื่อไทยแลนด์สไลด์จะใช้มุมนี้ในการปิดกั้นและโจมตีพรรคเพื่อไทย โดยโจมตีว่าการกลับมาของ ดร.ทักษิณ จะเป็นอันตราย ปลุกผีระบอบทักษิณ เพื่อให้เกิดการต่อต้าน และก็อยู่ที่คนกลางๆจะตัดสินใจอย่างไร และสิทธิการกลับมาก็เป็นสิทธิของบุคคลอยู่แล้ว