นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังความประชุมร่วม ศอบต.และภาคเอกชน 5จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า หลังจากการรับฟังปัญหาของ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทราบว่ามีปัญหาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน สะพาน สนามบิน ท่าเรือ เป็นต้น
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวต่อว่า นอกจากนั้นยังมีปัญหาเรื่องพืชผลทางการเกษตร เช่น ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ทุเรียน ลองกองและในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้มีลักษณะเพิ่มเติมคือเรื่องของผลไม้ อาทิทุเรียน ลองกอง ซึ่งลองกองจะออกพร้อมกันในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องให้ความช่วยเหลือในเรื่องของการตลาด ตนจึงสั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ดูแลแล้ว ไม่ต้องรอให้ลองกองล้นตลาดแล้วค่อยมาคิดหาวิธีแก้ โดยกระทรวงพาณิชย์จะเข้ามาดูลู่ทางในการระบายลองกองไปทั้งในและต่างประเทศ
ส่วนประมง สภาพปัญหาคือทำอย่างไรให้การประมงทั้ง 4 ภาคส่วน คือ 1.ประมงพื้นบ้าน 2.ประมงพาณิชย์ 3.การแปรรูปอาหารทะเล และ 4.การส่งออก สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน โดยตนได้เสนอกฎหมาย 2 ฉบับคือ 1.พระราชบัญญัติสภาการประมงแห่งชาติ เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมในการเสนอแนะแก้ปัญหา และร่วมตัดสินใจร่วมกัน 2.พระราชบัญญัติการจัดตั้งกองทุนอนุรักษ์ทะเลไทยเพื่อการพัฒนาการประมงอย่างยั่งยืนบรรจุเข้าไว้ในนโยบายของรัฐบาลแล้ว
นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องการค้าและการลงทุนประเด็นคือการส่งเสริมสนับสนุนอุตสาหกรรมฮาลาลให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น และสนับสนุนให้ครบวงจรตั้งแต่การผลิตแปรรูปและส่งออกรวมทั้งการตลาดด้วย หากบริหารจัดการประสบผลสำเร็จก็เท่ากับเป็นการสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้ 5จังหวัดใช้แดนภาคใต้ด้วย อีกประการหนึ่ง การค้าชายแดนไทย-มาเลเซีย การค้าชายแดนไทย-มาเลเซียถือว่าทำตัวเลขได้สูงสุดเมื่อเทียบกับชายแดนอื่น เช้น ลาว เมียนมา กัมพูชา เวียดนาม ถ้าสามารถทำให้คึกคักได้ และเพิ่มยอดได้ ก็เท่ากับเป็นการเพิ่มยอดการส่งออกของไทยไปในตัว
“เชื่อว่าการค้าไทยมาเลเซียมีอุปสรรคบางประการ ตนได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์ไปว่า ต้องจัดเวทีระดมความคิดจากทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งฝั่งไทย ส่วนราชการ เอกชนและฝั่งมาเลเซียเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น หาแนวทางเพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าของ2 ประเทศ และเพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าการส่งออกของฝั่งประเทศไทยไปในตัวด้วย
อ่านเพิ่มเติม