ไม่พบผลการค้นหา
ส.ส.อดีตอนาคตใหม่ ชำแหละรัฐบาลแก้ปัญหาค้ามนุษย์ล้มเหลวมีการขู่พยานในคดีค้ามนุษย์จนทำให้อดีตรอง ผบก.ภ.8ต้องลี้ภ้ย ด้าน ประวิตร ยันรัฐบาลแก้ปัญหาค้ามนุษย์จริงจัง ชี้อดีต รอง ผบก.ภ.8 หนีไปเองไม่กลับประเทศ

ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคอนาคตใหม่ อภิปรายไม่ไว้วางใจ กล่าวหา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ล้มเหลวในการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ในประเทศไทย โดยย้อนไปที่เหตุการณ์ปี 2558 ในคดีค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญา ที่มี พล.ท.มนัส คงแป้น อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กองทัพบก และพวก 102 คน เข้ามาเกี่ยวข้องแม้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร จะมองว่าคดีดังกล่าวจะทำให้สถานกาณ์ค้ามนุษย์ของไทย ปรับระดับลงมาอยู่เทียร์ 2 แต่ปัญหายังคงตามมาอยู่ในปัจจุบัน เพราะวิธีการดำเนินคดีมีข้อน่าสงสัย เนื่องจากมีการอ้างว่าเป็นเรื่องความมั่นคงและให้พิจารณาเป็นคดีลับ รวมถึงยังมีการข่มขู่พยานในคดีมากมาย บางคนต้องหลบหนีเพราะรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย จนกลายเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน พร้อมอ้างถึงกรณีที่ พล.ต.ต.ปวีณ พงษ์ศิรินทร์ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ที่เป็นเจ้าของคดี ต้องลี้ภัยไปประเทศออสเตรเลีย เพราะหวาดกลัวว่าจะถูกข่มขู่คุกคามจนถึงแก่ชีวิตคล้ายกับกรณีของ พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา อดีต ผกก.สภ.บันนังสตา จ.ยะลา โดยตั้งคำถามว่ามีกี่คนที่ข่มขู่คุกคามแบบนี้

นายปกรณ์วุฒิ ยังอ้างบทให้สัมภาษณ์ของผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้น ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร ให้ดำเนินการจริงจังในเรื่องนี้ ก่อนเปิดเอกสารคำสั่งย้าย พล.ต.ต.ปวีณ ตามมติคณะกรรมการตำรวจ หรือ ก.ตร. ในวันที่ 21 ตุลาคม 2558 ที่มี พล.อ.ประวิตร เป็นประธาน สั่งย้าย พล.ต.ต.ปวีณ ไปอยู่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมตั้งคำถามว่ารัฐบาลกล้ายืนยันและรับประกันความปลอดภัยให้กับ พล.ต.ต.ปวีณ เพื่อให้กลับมาอยู่กับครอบครัวได้หรือไม่ 

นายปกรณ์วุฒิ ยังกล่าวว่า ทุกครั้งที่มีการออกมาเปิดเผยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ ก็ส่งฝ่ายกฎหมายไปดำเนินคดี เช่นเดียวกับอุทยานราชภักดิ์ หรือแม้กระทั่ง น.ส.พรรณิการ์ วานิช อดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่ ก็ถูกดำเนินคดีหลังออกมาเปิดเผยข้อมูล 1MBD 

ประวิตร ย้ำรัฐบาลแก้ปัญหาค้ามนุษย์จนเป็นเทียร์ 2

ด้าน พล.อ.ประวิตร ชี้แจงโดยยืนยันให้ความสำคัญกับเรื่องค้ามนุษย์ พร้อมระบุว่าปัญหาโรฮิงญา เป็นปัญหาการลักลอบหลบหนีเข้าไทย ไม่ใช่เหยื่อของการค้ามนุษย์ และการย้ายถิ่นฐานไม่ได้มีปลายทางคือประเทศไทยแต่เป็นประเทศที่ 3 โดยยืนยันได้ดูแลเรื่องอาหารและน้ำมันตามหลักมนุษยธรรมเพื่อให้เดินทางไปประเทศที่ 3 ได้อย่างปลอดภัย

ส่วนการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ยืนยันว่ารัฐบาลดำเนินการตามกฎหมายผู้เกี่ยวข้องอย่างจริงจัง โดยเฉพาะกรณีของ พล.ท.มนัส จนไทยสามารถหลุดพ้นจากเทียร์ 3 มาอยู่เทียร์ 2 (เฝ้าระวัง) จนสุดท้ายสามารถหลุดจากการเฝ้าระวัง มาอยู่ในระดับเทียร์ 2 ปกติได้ ส่วนกรณี พล.ต.ต.ปวีณ ที่หลบหนีไป ไม่มีใครบังคับให้ลี้ภัย แต่กลับหนีไปเอง หากมั่นใจก็สามารถกลับมาขอรับราชการได้ แต่ก็ไม่กลับมาเอง

สภาฯ หารือฝ่ายค้านหมดเวลาอภิปรายแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมสภาฯ มีการหารือต่อเวลาที่เหลือในการอภิปราย เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ต่อเนื่องวันที่สี่ ตามข้อตกลงของคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน)​และวิปรัฐบาล ที่กำหนดให้พรรคฝ่ายค้านได้รับเวลา 21 ชั่วโมง ขณะที่รัฐบาลได้รับเวลา 10 ชั่วโมง แต่เมื่อถึงเวลาดังกล่าวเวลาของพรรคฝ่ายค้านเหลือเพียง 3 นาที ขณะที่ของรัฐบาลเหลือ 1 ชั่วโมง 15 นาที โดยข้อสรุปที่เกิดขึ้นคือ จะทำให้นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคอนาคตใหม่ อภิปรายคนสุดท้ายก่อนปิดการอภิปรายและให้สรุปปิดญัตติ 

ทั้งนี้ นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานวิปรัฐบาล ชี้แจงว่าตนจะยอมให้ฝ่ายค้านอภิปรายเพียงแค่คนเดียว คือ นายปกรณ์วุฒิ จากนั้นจะปิดการอภิปราย เพราะพิจารณาตามเวลาที่เหลือนั้นจะใกล้เคียงกับข้อตกลงที่ต้องยุติการอภิปรายเวลา 19.00 น. จากนั้นจะให้ผู้สรุปญัตติอภิปราย 2 ชั่วโมง จากนั้นจะพักการประชุมเพื่อลงมติไว้วางหรือไม่ไว้วางใจในวันที่ 28 ก.พ. 

ด้านนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน หารือโต้แย้งว่า ข้อตกลงคือกรอบการบริหาร แต่หากข้อเท็จจริงพบว่าการอภิปรายไม่แล้วเสร็จ ควรทบทวน เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชน โดยตนมองว่าหากให้ผู้ที่จะอภิปรายได้อภิปรายจนแล้วเสร็จ และใช้เวลาถึงเที่ยงคืนจะเสียหายอะไร ทั้งนี้ตนจำเป็นต้องลุกขึ้นเพื่อขอเวลาเพิ่มเพื่อให้การตรวจสอบสมบูรณ์ อย่ายึดข้อตกลงแล้วกลับบ้านไปโดยทิ้งประโยชน์ของประชาชน 

ทั้งนี้ นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง วินิจฉัยว่าตนอนุญาตให้นายปกรณ์ อภิปราย 20 นาที ส่วนกรณีการต่อเวลานั้นอย่าอ้างผลประโยชน์ประชาชน เพราะทุกฝ่ายมาจากการเลือกตั้งของประชาชน ดังนั้นทุกคนต้องทำเพื่อประชาชน รวมถึงผู้ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมเช่นกัน อย่างไรก็ตามตนพยายามไกล่เกลี่ยให้การประชุมเรียบร้อย 

จากนั้นนายปกรณ์วุฒิ ได้อภิปรายถึงเนื้อหาต่อการไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ซึ่งรวมถึง พล.อ.ประยุทธ์ เนื่องจากมีพฤติกรรมละเมิดสิทธิมนุษยชน

ขณะนี้ ทั้งสองฝ่ายยังไม่สามารถหาข้อสรุปเรื่องการขอเวลาเพิ่มเติมเพื่ออภิปรายไปจนถึงประมาณเที่ยงคืนของวันนี้ก่อนปิดประชุมเพื่อลงมติ ทั้งนี้ฝ่ายค้านให้เหตุผลถึงผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนที่จะได้รับ และไม่ต้องการให้เกิดข้อครหาต่อสภาผู้แทนราษฎรว่าไม่ได้ทำงานอย่างเต็มที่

เวลา 18.30 น.ภายหลังที่ประชุมสภาฯ ได้พักการประชุม 20 นาทีเพื่อให้วิปสองฝ่ายหารือถึงข้อยุติในการอภิปรายที่ฝ่ายค้านหมดสิทธิการอภิปรายแล้วแต่ยังเหลือการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ที่ยังไม่มีการอภิปราย เมื่อเปิดประชุมสภาฯอีกครั้ง นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน ยืนยันต้องให้ฝ่ายค้านได้อภิปราย พล.อ.อนุพงษ์ก่อน ทางฝ่ายค้านจึงจะอภิปรายสรุปญัตติได้ ไม่เช่นนั้นการลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีจะไม่มีความชอบธรรม ขณะที่นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล ยืนยันว่าฝ่ายค้านหมดสิทธิอภิปรายแล้ว โดยนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุมได้เปิดทางให้ พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงต่อ แต่ถูก นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ทักท้วงการสรุปของ พล.อ.ประยุทธ์ ทำไม่ได้ตามข้อบังคับฯ เพราะเป็นหน้าที่ของฝ่ายค้านที่จะทำหน้าที่สรุปญัตติ

โดยนายศุภชัย ชี้แจงว่า เวลาของคณะรัฐมนตรียังเหลืออยู่และยังมีเวลาที่จะชี้แจงตามประเด็นที่ฝ่ายค้านได้อภิปรายไปเท่านั้น จึงกำชับให้นายกฯ ได้ชี้แจงในส่วนที่ ส.ส.อภิปรายเท่านั้น