วันที่ 16 มี.ค 2565 ที่อาคารรัฐสภา รังสิมันต์ โรม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงการประชุมกรรมการธิการการกฏหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน เรื่อง การพิจารณาศึกษาข้อกฎหมาย กรณีปัญหาขบวนการค้ามนุษย์ แนวนโยบายและการจัดการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปประธรรม ซึ่งได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ผู้บัญชาการตำรวจเเห่งชาติ (ผบ.ตร.) ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 (ผบช.ภ.9) อธิบดีกรมราชทัณฑ์ รวมทั้ง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา และ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เข้าตอบข้อซักถาม
โดย รังสิมันต์ กล่าวว่า ไม่พอใจ เเละรู้สึกผิดหวังเนื่องจาก ตนคาดหวังการตอบข้อซักถามที่มากกว่านี้ อักทั้งบุคคลที่เชิญไปก็มาไม่ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ซึ่งส่ง พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน มาเป็นตัวแทน ซึ่งเมื่อถามถึงเรื่องการประกันตัว พล.ต.ท. มนัส คงเเป้น หนึ่งในผู้บงการขบวนการค้ามนุษย์ ซึ่งเป็นการสั่งการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ พล.ต.ท.อำนวย ก็ตอบไม่ตรงคำถาม เเละในประเด็นที่สอง พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ อดีตผู้สืบสวนขบวนการค้ามนุษย์ ซึ่งต้องลี้ภัย เมื่อปี 2558 และมีความชัดเจนเเล้วว่าเป็นเกี่ยวข้อง ผบ.ตร. ในขณะนั้น คือ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ได้ทำหนังสือชี้เเจงต่อ กมธ.ว่า ปัจจุบันไม่ได้อยู่ในตำเเหน่งราชการดังกล่าวแล้ว จึงขอไม่มาในวันนี้
รังสิมันต์ ยังระบุว่า หลังการประชุม ได้มีการสอบถามกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นการส่วนตัว ว่าเหตุใดจึงไม่มีการขยายผลดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐบางท่าน นอกจาก พล.ต.ท.มนัส คงแป้น ที่มีความเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์ ทางตำรวจตอบว่ามีเวลาไม่พอ ทำให้พยานหลักฐานอ่อน ดำเนินคดีไม่ได้ สะท้อนว่า ถ้าเราให้เวลามากกว่านี้ในการปราบปรามการค้ามนุษย์อย่างจริงจัง ก็สามารถนำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ได้มากขึ้น เท่าที่ตนทราบ คาดว่าน่าจะเป็นบุคคลที่สังกัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งตนจะติดตามเรื่องนี้ต่อไป เเละจะนำเรื่องที่ได้คุยกันนี้ ไปหารือกับพล.ต.ต.ปวีณ และอาจจะได้ข้อมูลในการขยายผล
สำหรับประเด็นที่ทาง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ระบุว่า พล.ต.ต.ปวีณ สามารถกลับมาประเทศไทยได้อย่างปลอดภัย โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะให้การดูแลเป็นอย่างดีนั้น โดยส่วนตัว ตนอยากเห็น พล.ต.ต.ปวีณ กลับประเทศไทย เพราะการกลับมาจะสร้างความเชื่อมั่นให้ต่างประเทศ ถ้าเเก้ไขเรื่องนี้ไม่ได้ การจัดอันดับของประเทศไทยก็จะไม่สู้ดี ส่งผลต่อธุรกิจต่างๆ แต่ปัญหาที่ตนเห็นตรงกับ พล.ต.ต.ปวีณ ว่า การกลับมาตอนนี้น่าจะไม่ปลอดภัย อีกทั้งการดำเนินคดีตามหมายจับดูเหมือนยังไม่จบ เเละเชื่อว่ามีคนเกี่ยวข้องมากกว่านั้น แต่วันนี้ยังไม่เห็นการขยายผล ไม่เห็นความเอาจริงเอาจังของฝั่งตำรวจเเละรัฐบาล เหมือนกับรัฐบาลสมรู้กับเรื่องนี้ พล.ต.ต.ปวีณ จะไม่ปลอดภัย จนกว่านโยบายเเนวทางจะเปลี่ยนไป หรือจนกว่าจะเปลี่ยนรัฐบาล
รังสิมันต์ เน้นย้ำว่า ข้อมูลที่ตนมีอาจยังไม่เพียงพอเอาไปดำเนินคดี แต่ก็เปรียบเหมือนเชื้อที่หน่วยงานรัฐสามารถเอาไปสอบสวนต่อได้ เเต่ปัญหาคือรัฐบาลไม่ยอมกดปุ่ม เพื่อสั่งการให้มีการสอบสวนในเรื่องนี้ ทำให้พยานหลักฐานเข้ามาสู่สำนวนไม่ได้ ตนยืนยันว่ามีบุคคลที่เกี่ยวข้องเเน่นนอน ซึ่งเท่ากับว่าที่ผ่านมาตั้งเเต่ พล.ต.ต.ปวีณ ลี้ภัย รัฐบาลไม่เคยทำอะไรเลย
สำหรับประเด็นที่ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ยืนยันว่า พล.อ.ประวิตร ในฐานะประธาน ก.ตร. ไม่เกี่ยวข้องกับลงนามคำสั่งโยกย้าย พล.ต.ต.ปวีณ นั้น รังสิมันต์ ระบุว่า ต้องไปดูบันทึกของ กตร. เพราะจากคำสัมภาษณ์ของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ซึ่งโยนให้ พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท ผู้บังคับบัญชาภาค 8 แต่ในที่ประชุม พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ได้ชี้เเจงอย่างชัดเจนว่าการโยกย้ายตำแหน่งเป็นผลจากที่ประชุม ก.ตร. ว่า จะโยกย้ายตำเเหน่งอย่างไร จึงมีความเชื่อว่า พล.อ.ประวิตร มีความรับผิดชอบโดยตรง ทำให้ยังไม่ตัดในประเด็นนี้ออกไป จนกว่าจะได้เห็นบันทึกของ ก.ตร.
รังสิมันต์ ทิ้งท้ายว่า วันนี้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ก็ยังยอมรับว่า พล.ต.ต.ปวีณ ทำงานได้ดี เเต่ทำไมเขาถึงไม่ได้ดี ซึ่งตนคิดว่าจะต้องมีคนรับผิดชอบ ไม่ใช่โยนกันไปโยนกันว่า จนสุดท้ายโยนให้เป็นความซวย ของ พล.ต.ต. ปวีณ พร้อมย้ำว่าเรามีระบบราชการเเบบนี้ไม่ได้