ไม่พบผลการค้นหา
"พล.อ.ประวิตร" กำชับหน่วยงานพื้นที่ติดชายแดน ทำงานตรงไปตรงมา ไม่รับเรียกผลประโยชน์ ยึดผลประโยชน์ชาติเป็นที่ตั้ง ย้ำต้องไม่ละเลยความเดือดร้อนของประชาชน

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะได้เดินทางไปตรวจราชการในพื้นที่ภาคอีสานตอนบน โดยร่วมรับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ จากส่วนราชการต่างๆ ที่จังหวัดหนองคาย โดยสรุปภาพรวมพื้นที่ชายแดน ไทย - ลาว พบสถานการณ์ยาเสพติดในพื้นที่มีความรุนแรงสูงขึ้นต่อเนื่อง ทั้งแหล่งผลิตนอกประเทศ เส้นทางลำเลียงและพื้นที่พักคอย รวมทั้งมีการสร้างและขยายเครือข่ายในต่างประเทศมากขึ้น ขณะเดียวกันยังคงมีการลักลอบตัดไม้ การจารกรรมรถยนต์และนำสินค้าผ่านแดน ซึ่งกระทบต่อความมั่นคงและผลประโยชน์ชาติ

โดย พล.อ.ประวิตร ได้มอบเป็นนโยบายกับทุกส่วนราชการในพื้นที่ ขอให้ความสำคัญกับการทำหน้าที่ด้วยจิตวิญญาณในการปกป้องและธำรงรักษาไว้ ซึ่งสถาบันหลักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ควบคู่กับ การเร่งแก้ปัญหาที่เป็นเงื่อนไขความเหลื่อมล้ำและความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย ให้เร่งคลี่คลายปัญหาหนี้นอกระบบที่สั่งสมมานานและเร่งขับเคลื่อนกลไกระดับจังหวัด อำเภอ สนับสนุนเสริมสร้างพัฒนาทักษะอาชีพของประชาชนในพื้นที่ ให้สามารถยืนเข้มแข็งด้วยตนเองอย่างเป็นรูปธรรม โดยจำเป็นต้องอาศัยความเข้าใจและความร่วมมือกัน

พร้อมทั้งย้ำถึง การทำงานร่วมกันของทุกส่วนราชการในพื้นที่จังหวัดติดชายแดน จำเป็นต้องหารือกันอย่างรอบคอบ ในทุกกิจกรรมที่อาจจะมีผลกระทบต่อข้อตกลงระหว่างประเทศ หรือ กระทบต่อความมั่นคงตามแนวชายแดน โดยให้ดำเนินการอย่างตรงไป ตรงมา ยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง  โดยเน้นให้ความสำคัญกับ การแก้ปัญหาการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรผ่านแดน ที่กระทบต่อราคาพืชผลการเกษตรในพื้นที่ , การแก้ปัญหาแรงงานต่างด้าว ที่นำมาซึ่งปัญหาการค้ามนุษย์ 

รวมทั้งนโยบายสำคัญของรัฐบาล ที่ต้องการขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง ทั้งการจัดระเบียบสังคม, แก้ปัญหาผู้มีอิทธิพล โดยเฉพาะกลุ่มค้าอาวุธสงคราม มือปืนรับจ้าง ที่เป็นสาเหตุของความรุนแรง และการแก้ปัญหายาเสพติด ที่ต้องทำอย่างจริงจังและครบวงจร ทั้งการสกัดกั้น การป้องกันและการปราบปรามผู้ผลิต ผู้ค้า รวมทั้งการบำบัดฟื้นฟูผู้เสพ  

ทั้งนี้ได้กำชับ ผู้นำและเจ้าหน้าที่รัฐทุกระดับในพื้นที่ ให้ทำหน้าที่เป็นที่พึ่งให้กับประชาชนในทุกโอกาส ต้องไม่เรียกรับผลประโยชน์ หรือ ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพลแสวงประโยชน์ จากการปฏิบัติหน้าที่ โดยเด็ดขาด และต้องระมัดระวัง ไม่ให้บุคคลแอบอ้างหาประโยชน์ในทางที่ผิด พร้อมทั้งขอให้ ร่วมกันสร้างความเข้าใจกับประชาชนใน “สัญญาประชาคม” ที่ร่วมกันจัดทำขึ้น เพื่อร่วมกันดำรงรักษาบรรยากาศความรัก ความเข้าใจเป็นหนึ่งเดียวกัน ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้น